ราคาน้ำมันดิบโลกพลิกร่วงเกือบ 1 ดอลลาร์ ปิดเกือบหลุด 61 ดอลลาร์ ศาลตัดสินเฉพาะภาษีต่างตอบแทนของรัฐบาลสหรัฐผิดกฎหมาย ราคาขายน้ำมันในไทยทรงตัววันที่ 9 ติดกัน

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 60.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.5% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดต่ำสุดในรอบ 4 ปี 1 เดือนหรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2021 ย้อนไปเมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน มีราคาดิ่งต่ำสุดระหว่างวันแตะที่ระดับ 60.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาต่ำสุดระหว่างวันในรอบ 4 ปี ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี 3 เมษายน ราคาปิดดิ่งลง -6.64% ทำสถิติเป็นราคาปิดน้ำมันดิบในแง่เปอร์เซ็นต์ที่ดำดิ่งเลวร้ายที่สุดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2022 หรือในรอบ 2 ปี 7 เดือน 

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 64.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.2% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 4 ปี หรือตั้งแต่มีนาคม 2021 เป็นต้นมา ย้อนไปเมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายนมีราคาดิ่งต่ำสุดระหว่างวันแตะที่ระดับ 64.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาต่ำสุดระหว่างวันในรอบ 4 ปี ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี 3 เมษายน ราคาปิดดิ่งลง -6.42% ทำสถิติเป็นราคาปิดน้ำมันดิบในแง่เปอร์เซ็นต์ที่ดำดิ่งเลวร้ายที่สุดตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2022 หรือในรอบ 2 ปี 8 เดือน

สิ้นสุดเมษายน ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ร่วงลง -18% และ -15% ตามลำดับ ส่งผลทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายเดือนและในแง่เปอร์เซ็นต์ที่ปิดต่ำสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2021 เป็นต้นมา

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งปิด +1.2% และ +2.4% ตามลำดับ ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดโลกปิดดำดิ่ง -10.6% และ -10.9% ตามลำดับ ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ดำดิ่งเลวร้ายสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่กลางปี 2023 เป็นต้นมา

สาเหตุจากตลาดเกิดความกังวลกับผลกระทบและความไม่แน่นอนกับเศรษฐกิจโลก ถึงแม้ว่าศาลการค้าระหว่างประเทศสังกัดศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินกฎหมายปรับขึ้นภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของรัฐบาลสหรัฐเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่ไม่ครอบคลุมถึงกฎหมายเก็บภาษีสูง 25% กับรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก และอลูมิเนียมที่ประกาศใช้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ตลาดติดตามการประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบของสหรัฐที่มีต่อรัสเซีย 

เมื่อวันอังคารที่ 6 พฤษภาคมผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัส เปิดเผยว่า สมาชิกทั้ง 8 ประเทศกลุ่มโอเปกนำโดยซาอุดิอาระเบียมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบขึ้นวันละ 411,000 บาร์เรลในเดือนมิถุนายนนี้ ปริมาณดังกล่าวสูงถึงเกือบ 3 เท่าจากที่ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นวันละ 140,000 บาร์เรล กลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มสูงที่จะเร่งเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่ม ซึ่งจะส่งผลให้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ กำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกจะกลับขึ้นมาเป็นที่ระดับวันละ 2.2 ล้านบาท เนื่องจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดของกลุ่มโอเปกพลัสไม่พอใจที่สมาชิกบางประเทศ ได้แก่อิรัก และคาซัคสถาน ผลิตน้ำมันดิบมากกว่าจำนวนโควตาที่ไทยตกลงกันไว้ ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบ

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่าความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียงเบาบาง ส่งผลทำสถิติน้อยที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา หรือนับตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19 สาเหตุจากความกังวลในสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของสงครามการค้า และสงครามภาษี 

นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า ระดับอัตราภาษีนำเข้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศมานั้นอยู่ในอัตราที่เพิ่มสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเติบโตในลักษณะลดน้อยลงจากนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในระยะใกล้นี้ และอาจทำให้เป้าหมายดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะห่างไกลออกไป 

เมื่อรวมปัจจัยกลุ่มโอเปกพลัสกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตเร็วกว่าที่กำหนดไว้ ทำให้ในเดือนเมษายนนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกร่วงลงมากถึง -13% แล้ว ด้านธนาคารยูบีเอส เอจี เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ จะลดลงมาเคลื่อนไหวระหว่าง 40-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐเกิดภาวะถดถอย และเศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างรุนแรง

กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเป็นครั้งที่ 6 ต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ในปี 2025 กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ใช้น้ำมันดิบของจีนจากเดิมจะเพิ่มขึ้นวันละ 580,000 บาร์เรล ลงมาอยู่ที่เพิ่มขึ้นเพียงวันละ 480,000 บาร์เรล หรือลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน

ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกพลัสสร้างความประหลาดใจอย่างเกินความคาดหมายด้วยการมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบถึงวันละ 411,000 บาร์เรล จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มที่ระดับวันละ 135,000 บาร์เรล โดยให้มีผลในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตเร็วขึ้นกว่าระยะเวลาเดิม ในปัจจุบันกลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังการผลิตลงถึงวันละ 5.85 ล้านบาร์เรล ซึ่งคิดเป็น 5.7% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก โดยทำการลดการผลิตมาตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา

ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนพฤษภาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล 

ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 22 พฤษภาคม นี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอลล์ลง 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกแรกในรอบ 40 วันผ่านมา หรือตั้งแต่ 12 เมษายน 2025

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles