ตลาดซื้อขาย น้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 31 มกราคม 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.3% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.76 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.2%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิด -2.9% และ -2.1% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ปิดลดลงครั้งที่ 2 ใน 4 สัปดาห์ที่ปิดขึ้นติดต่อกันผ่านมา ในปี 2024 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดสุทธิลดลง 3% เมื่อเทียบกับปี 2023 ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ มีราคาปิดสุทธิเสมอตัวกับในปี 2023
สาเหตุจากกลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ โดยเฉพาะการตัดสินใจเกี่ยวกับแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนเมษายนตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันไว้ ด้านทำเนียบขาว สหรัฐ เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 25% จากประเทศแคนาดา และเม็กซิโก พร้อมรายละเอียดที่ชัดเจน
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวแสดงมุมมองเศรษฐกิจบนเวทีการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ เรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มโอเปกพลัสลดราคาน้ำมันดิบ ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ประกาศภาวะพลังงานฉุกเฉินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ด้วยการใช้นโยบายสนับสนุนการผลิตน้ำมันดิบในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิม ส่งผลให้แนวโน้มภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกในปีนี้จะเกิดขึ้นตามการคาดการณ์ของสำนักพลังงานระดับสากลหลายแห่ง นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐเตรียมยกเลิกการซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลา โดยในปี 2024 ช่วง 10 เดือนแรกนั้น สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบ 200,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงวันละ 100,000 บาร์เรลจากในปี 2023 ขณะที่ ข้อตกลงเสนอหยุดยิงชั่วคราวนาน 6 สัปดาห์ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสติดอาวุธในฉนวนกาซามีผลขึ้นแล้ว ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มกองกำลังฮูติที่มักจะโจมตีกองเรือขนส่งน้ำมันดิบในทะเลแดงของตะวันออกกลาง อาจจะหยุดการซุ่มโจมตีด้วย
ก่อนหน้านี้ สำนักจัดการข้อมูลพลังงานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ USEIA เปิดเผยว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี หรือตั้งแต่ปี 2022 เมื่อวานนี้ ได้คาดการณ์การบริโภคน้ำมันดิบสหรัฐอเมริกาจะคงที่วันละ 20.5 ล้านบาร์เรลในปีนี้ และปี 2026 ในขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 13.52 ล้านบาร์เรลในปี 2025 นี้ ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบของก๊าซพรอม เนฟท์ ซี่งเป็นรัฐวิสาหกิจพลังงานใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย และเซอร์กัทเนฟเทก๊าซ รวมถึงกองเรือเงาขนส่งน้ำมันดิบจำนวน 183 ลำของประเทศรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ นายโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานในภาพรวมกับประเทศรัสเซีย ซึ่งประกอบด้วยการคว่ำบาตร บริษัทและรัฐวิสาหกิจผลิตผลิตน้ำมันดิบ การคว่ำบาตรเรือขนส่งน้ำมันดิบ การคว่ำบาตรธุรกิจขายส่งน้ำมันดิบ การคว่ำบาตรบริษัทเทรดเดอร์ซื้อขายน้ำมันดิบ และการคว่ำบาตรท่าเรือขนส่งและขนถ่ายน้ำมันดิบทั้งหมดของรัสเซีย จะเห็นได้ว่ามาตรการคว่ำบาตรในภาพรวมครั้งใหม่นี้พุ่งไปเป้าหมายสำคัญของทุกขั้นตอนของการผลิต การจำหน่าย และการขนส่งน้ำมันดิบครบวงจรของประเทศรัสเซียออกสู่ตลาดโลก แหล่งข่าวสำคัญในวงการอุตสาหกรรมน้ำมันดิบตลาดโลกเปิดเผยว่ามาตรการล่าสุดในครั้งนี้ของสหรัฐอเมริกาจะส่งผลกระทบต่อวงจรการผลิตและขนส่งน้ำมันดิบของรัสเซียอย่างมากโดยเฉพาะการขายน้ำมันดิบให้กับประเทศจีนและอินเดีย
ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล
กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของปี 2024 ซึ่งลดลงมากถึงวันละ 210,000 บาร์เรล ทำสถิติการลดตัวเลขคาดการณ์ที่มากที่สุดใน 5 ครั้งที่ประกาศปรับลดการคาดการณ์ลงมานับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ครั้งแรก
โอเปกพลัสลดตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของประเทศจีนมีแนวโน้มลดลงจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาต่อเนื่อง โดยในปี 2024 นี้ ปรับลดคาดการณ์การใช้น้ำมันดิบจีนลงจาก 760,000 บาร์เรลต่อวันมาเหลือที่ 430,000 บาร์เรลต่อวัน หรือลดลงมากถึงวันละ 330,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ในปี 2025 กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ใช้น้ำมันดิบของจีนจากเดิมจะเพิ่มขึ้นวันละ 580,000 บาร์เรล ลงมาอยู่ที่เพิ่มขึ้นเพียงวันละ 480,000 บาร์เรล หรือลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกพลัสส่งสัญญาณใหม่เกี่ยวกับการชะลอปรับขึ้นกำลังการผลิตของทั้งกลุ่มในเดือนธันวาคมนี้
กลุ่มโอเปกพลัสมีมติต่ออายุมาตรการลดกำลังการผลิตออกไปเป็นไตรมาสที่ 1 ในปี 2025 หรือถึงสิ้นเดือนเมษายนปี 2025 นับเป็นการตัดสินใจครั้งที่ 3 ต่อเนื่องในการขยายเวลามาตรการดังกล่าว ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดที่จะมีขึ้นในปี 2025 มีความชัดเจนมากขึ้น
สำนักพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดราว 1 ล้านบาร์เรล ถึงแม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องก็ตาม สาเหตุมาจากสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้นจากนโยบายด้านพลังงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้นการผลิตพลังงานจากฟอสซิล
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 23 มกราคมนี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 40-50 สตางค์/ลิตร ไม่เพียงเป็นการลดราคาน้ำมันขายปลีกครั้งที่ 3 ของปี 2025 แต่ยังเป็นการลดราคามากที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน หรือตั้งแต่ 31 ตุลาคม 2024 ราคาน้ำมันขายปลีกในวันนี้ 23 มกราคม 2025 เป็นราคาถูกสุดใน 9 วันผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2025