ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบในตลาดเอเชียที่สิงคโปร์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 67.18 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.76 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.12% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เคลื่อนไหวที่ 71.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.06% ทั้งหมดเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 14 มีนาคมผ่านไป
สาเหตุจากนักลงทุนมองมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อการบริโภคของรัฐบาลจีนที่ประกาศเมื่อวันอาทิตย์จะเป็นผลบวกต่อแนวโน้มการบริโภคน้ำมันของจีน ซึ่งเป้ยประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ สหรัฐเปิดการโจมตีกลุ่มฮูติติดอาวุธในประเทศเยเมนเมื่อวันอาทิตย์ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงครั้งใหญ่ในตะวันออกกลางของประธานาธิบดีสหรัฐนายโดนัลด์ ทรัมป์ สาเหตุจากกลุ่มฮูติติดอาวุธกลับมายิงโจมตีเรือขนส่งสินค้าและน้ำมันดิบของอิสราเอล และสหรัฐ หลังสิ้นสุดระยะเวลาการหยุดยิงของอิสราเอลในฉนวนกาซา
ย้อนหลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ 14 มีนาคมผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 67.18 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.0% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.0%
ในสัปดาห์ผ่านไป พบว่าราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดโลก ปิดที่ -3.9% และ -3.8% ตามลำดับ ส่งผลทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ 21 มกราคม 2024 และดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่ 11 พฤศจิกายน 2024 นอกจากนี้ยังเป็นราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ รายสัปดาห์ที่ปิดลดลงถึง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน ทำสถิติยาวนานที่สุดในรอบ 1 ปี 3 เดือนกว่า สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ รายสัปดาห์ที่ปิดลดลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน