วันนี้ (17 ม.ค.) ราคายางแผ่นดิบรมควัน พุ่งแตะ 63 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว โดยราคายางพาราในประเทศ ขยับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จากราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่กิโลกรัมละ 55 บาท ก่อนที่ราคาได้ขยับขึ้นมาถึงกิโลกรัม 63.09 บาท หรือ ปรับขึ้นมาถึง 8 บาท ในช่วงเวลาแค่เดือนเดียว สอดคล้องกับราคาน้ำยางสด ก็ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยขณะนี้ ราคาน้ำยางอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท ท่ามกลางการจับจ้องของชาวสวนยางทั่วประเทศ ที่ว่าราคายางจะพุ่งขึ้นไปถึงกี่บาท บางคนมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นการปั่นราคาของพ่อค้ายางหรือไม่
โดยล่าสุดนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ออกมาไขข้อสงสัย สาเหตุที่ราคายางพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ราคาน้ำยางสดมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับยางแผ่นดิบรมควัน เกิดจากโรคใบร่วง ที่ระบาดหนักในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และลามมายังภาคใต้ของไทย ประกอบกับ เกิดน้ำท่วมใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้สวนยางจมน้ำ ไม่สามารถกรีดยางได้ถึง 3 แสนไร่ ผลผลิตยางหายไปจากระบบถึง 40% ส่งผลให้ผู้ส่งออกที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงไว้ ไม่มียางส่งให้คู่ค้า และเกิดการเข้าไปกว้านซื้อ แย่งซื้อในตลาด ทำให้ราคายางถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเชื่อว่าราคายางจะทรงตัวในระดับสูงไปอีก 5-6 เดือน จากนั้นราคาจะลดลง ตามกลไกตลาด ที่จะมีผลผลิตยางกลับเข้าตลาดมากขึ้น
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ออกมาไขข้อสงสัย สาเหตุที่ราคายางพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ราคาน้ำยางสดมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับยางแผ่นดิบรมควัน เกิดจากโรคไบร่วง ที่ระบาดหนักในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และลามมายังภาคใต้ของไทย ประกอบกับ เกิดน้ำท่วมใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้สวนยางจมน้ำ ไม่สามารถกรีดยางได้ถึง 3 แสนไร่ ผลผลิตยางหายไปจากระบบถึง 40% ส่งผลให้ผู้ส่งออกที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงไว้ ไม่มียางส่งให้คู่ค้า และเกิดการเข้าไปกว้านซื้อ แย่งซื้อในตลาด ทำให้ราคายางถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเชื่อว่าราคายางจะทรงตัวในระดับสูงไปอีก 5-6 เดือน จากนั้นราคาจะลดลง ตามกลไกตลาด ที่จะมีผลผลิตยางกลับเข้าตลาดมากขึ้น
