รายได้รวมทั้ง 7 ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นวูบหายกว่า 3 แสนล้าน เลวร้ายสุดตั้งแต่วิกฤตโรคโควิด-19 เงินเยนแข็งจัดฉุดกำไรรวมทั้ง 7 ยี่ห้อรถญี่ปุ่นวูบหายต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท เซ่นพิษภาษีทรัมป์

รายได้รวมทั้ง 7 ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น วูบหายกว่า 3 แสนล้าน เลวร้ายสุดตั้งแต่วิกฤตโรคโควิด-19 เงินเยนแข็งจัดฉุดกำไรรวมทั้ง 7 ยี่ห้อรถญี่ปุ่นวูบหายต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท เซ่นพิษภาษีทรัมป์

บริษัทผลิตรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นทั้ง 7 ยี่ห้อ ได้แก่ โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน ซูบารุ ซูซูกิ อีซูซุ และมิตซูบิชิ ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2025 หรือระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนปี 2025 ผ่านไป พบว่า ผลประกอบการด้านรายได้ในภาพรวมของทั้ง 7 แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านล้านเยน หรือ 9,740 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 315,000 ล้านบาท ในขณะที่รายได้สุทธิของทั้ง 7 แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นใน 6 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน ทำสถิติเลวร้ายที่สุดตั้งแต่วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 หรือนับตั้งแต่ปี 2019 หรือใน 6 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานด้านกำไรจากการประกอบธุรกิจรวมกันทั้ง 7 แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นในช่วงระยะเวลาเดียวกันลดลงมากถึง 700,000 ล้านเยน หรือกว่า 147,000 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการแข่งขันของเงินเยนเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี 3 แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นได้แก่ นิสสัน มอเตอร์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ และมาสด้า มอเตอร์ ที่ประกาศผลประกอบการขาดทุนสุทธิ

ด้านผลกำไรสุทธิของทั้ง 7 แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น พบว่า มีผลกำไรสุทธิรวมกันทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า ลดต่ำกว่า 2.1 ล้านล้านเยน หรือต่ำกว่า 441,000 ล้านบาท ซึ่งดำดิ่งลงมากถึง -30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณปี 2024 ผ่านไป ส่งผลให้ทำสถิติผลกำไรสุทธิรวมกันทั้ง 7 แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นร่วงต่อเนื่องถึง 2 ปีงบประมาณติดต่อกัน ที่สำคัญมีการคาดการณ์ว่าเมื่อจบสิ้นงบประมาณปี 2025 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2026 นั้น ผลกระทบจากรภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกาส่งผลให้เกิดความเสียหายมากถึง 2.5 ล้านล้านเยน หรือกว่า 525,000 ล้านบาท

สาเหตุเนื่องจากอัตราภาษีศุลกากรที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศจัดเก็บสูงถึง 27.5% ในสินค้ารถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีผลบังคับใช้ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนที่การเจรจาระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กับนายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่น จะสามารถบรรลุข้อตกลงด้วยการลดอัตราภาษีดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ 15% โดยมีผลเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านไป

นายโนริยา คาอิฮารา กรรมการ รองประธานบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ญี่ปุ่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า นี่คือภาวะการณ์ปกติใหม่ หรือ New Normal ซึ่งคาดว่า จะต้องเผชิญต่อไปในอนาคตที่อยู่ในการคาดการณ์ไว้

มาสด้า และซูบารุ เป็น 2 ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากตลาดหลักและสำคัญที่สุดของทั้ง 2 ค่ายรถยนต์ดังกล่าวอยู่ในอเมริกาเหนือ ในแง่ของมาสด้านั้นตลาดรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาคิดเป็น 30% ของยอดขายมาสด้าทั่วโลก ส่งผลให้ในไตรมาสที่หนึ่งถึงไตรมาสที่สองของปีงบประมาณปัจจุบัน มาสด้า ได้รับผลกระทบด้านกำไรมากถึง 97,100 ล้านเยน หรือกว่า 20,400 ล้านบาท ทำให้มาสด้าต้องเผชิญกับผลการดำเนินกิจการขาดทุนสุทธิครั้งแรกในรอบ 5 ปี

สำหรับซูบารุได้รับผลกระทบอย่างมากจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากยอดขาย 80% ของยอดขายในภาพรวมทั้งหมดอยู่ในตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในตลาดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยอดขายดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 154,400 ล้านเยน หรือกว่า 32,424 ล้านบาท ส่งผลให้ซูบารุไม่มีผลกำไรเกิดขึ้นแต่อย่างใดในช่วงเวลาดังกล่าว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles