ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ในวันนี้ (5 กันยายน 2568) โดยมีวาระสำคัญคืการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ถูกบรรจุเป็นเรื่องด่วนลำดับที่ 8 เพื่อชี้ชะตาผู้นำประเทศจะทราบผลภายในวันนี้
โดยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากกรณีคลิปสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย และนำไปสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามรัฐธรรมนูญ
โดยมี 2 ชื่อจากสองพรรคการเมืองที่จะถูกเสนอเพื่อเข้าสู่การพิจารณา
1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศความพร้อมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาชน ซึ่งยืนยันว่าไม่มี สส. ขอทบทวนมติหนุนนายอนุทิน พรรคประชาชนได้กำหนดข้อตกลงที่ชัดเจนภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) 5 ข้อ โดยมีเป้าหมายคือ เพื่อให้มีการยุบสภาและจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ
ทั้งนี้ พรรคประชาชนจะยังคงทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาล โดยจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคเข้าไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่มีการต่อรองผลประโยชน์ใดๆ นายอนุทินเองก็แสดงความมั่นใจและไม่กังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคู่แข่ง
2. ศ.พิเศษ ชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย โดยพรรคเพื่อไทยได้ยืนยันการส่งชื่อ ศ.พิเศษ ชัยเกษม ชิงตำแหน่ง และมีข้อเสนอที่สำคัญคือ หากได้รับความไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากเข้าเฝ้าถวายสัตย์และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว จะประกาศยุบสภาทันที
อย่างไรก็ตาม ศ.พิเศษ ชัยเกษม จะไม่สามารถแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมสภาฯ ได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันคือ 247 เสียงขึ้นไป จากจำนวน สส. ทั้งหมด 492 คน ผู้ถูกเสนอชื่อแต่ละคนจะต้องได้รับการรับรองจาก สส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรืออย่างน้อย 50 คน
การลงมติจะดำเนินไปอย่างเปิดเผยด้วยวิธีการขานชื่อ สส. เรียงตามลำดับตัวอักษร โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อไม่จำเป็นต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม และจะไม่มีการเปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายคุณสมบัติหรือนโยบายของผู้ถูกเสนอชื่อก่อนการลงมติ
โดยล่าสุดผลการโหวตในที่ประชุมสภาผลปรากฏว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นนั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ชนะศ.พิเศษ ชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย ด้วยมติ 311 ต่อ 152 เสียง งดออกเสียง 27 คะแนน จาก 490 คน
เมื่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบบุคคลใดแล้ว ประธานสภาฯจะเป็นผู้นำรายชื่อนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการต่อไป