ธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรีย เปิดเผยว่า ประชากรวันรุ่นหรือกลุ่มเจนซี (Z) ซึ่งมีอายุระหว่าง 25-29 ปี ลดการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน เพื่อควบคุมรายจ่ายท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง แต่ในทางตรงกันข้าม ประชากรวัยตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หรือพ้นวัยเกษียณนั้น กลับใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากกว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน สะท้อนถึงภาวะความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศ ออสเตรเลีย
ในช่วงไตรมาสที่หนึ่งที่ผ่านไปนั้นกลุ่มวัยรุ่นเจนซีในประเทศออสเตรเลีย มีการลดการใช้จ่ายจ่ายราว 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ธนาคารดังกล่าวได้ทำการวิเคราะห์จากข้อมูลของประชากรในจำนวนกว่า 7,000,000 คนและพบว่ากลุ่มคนเจนซีในออสเตรเลียตัดลดการใช้จ่ายมากที่สุดในทุกกลุ่มวัยของออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนรุ่นดังกล่าวลดการใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าประปา ค่าประกันสุขภาพ สะท้อนถึงแนวโน้มในปัจจุบันที่กลุ่มคนเจนซีตัดสินใจอาศัยอยู่กับพ่อแม่มากขึ้น
สาเหตุเกิดจากคนวัยรุ่นเจนซีในออสเตรเลีย ต้องเผชิญกับรายได้ที่ไม่แน่นอนสูงเนื่องจากมีงานที่ทำอย่างไม่มีความมั่นคง ค่าเช่าที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้คนวัยรุ่นจันทรในออสเตรเลียตกอยู่ในสถานะรายได้เดือนชนเดือน
ในทางตรงกันข้าม กลุ่มคนวัยพ้นเกษียณไปแล้วหรือมีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปในออสเตรเลียมีการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มสูงมากกว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ที่ระดับ 3.6% โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นอยู่ในกลุ่มท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 11% ช้อปปิ้งสินค้าทั่วไปเพิ่มขึ้น 9% ค่าใช้จ่ายรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น 7%
สาเหตุที่กลุ่มคนวัยพ้นเกษียณในออสเตรเลียเพิ่มการใช้จ่ายเงินสูงขึ้นเป็นผลมาจากรายได้จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้น คิดเป็นผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 12 ปีผ่านมา ซึ่งเกิดจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 13 ครั้งต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นตั้งแต่พฤษภาคม 2022 มาจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากนั้นมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยมาถึงปัจจุบัน เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อออสเตรเลียที่อยู่ในระดับสูง
