วายแอลจีมองทองไทยลุ้นไปถึง 50,000 บาท ทองคำโลกจ่อเข้าเป้าหมาย 3,000 ดอลลาร์สหรัฐเร็วกว่าคาด 

วายแอลจีมอง ทองไทย ลุ้นไปถึง 50,000 บาท ทองคำโลกจ่อเข้าเป้าหมาย 3,000 ดอลลาร์ สหรัฐ เร็วกว่าคาด 

น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าราคาทองคำล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 11 ก.พ. 68 ได้ขึ้นไปทำราคาสูงสุดใหม่ตลอดกาล ที่ 2,942.51 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ ก็ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล ที่ 47,450 บาท/บาททองคำ จนเข้าใกล้เป้าหมายที่ YLG มองไว้ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ และทองไทย 48,000 – 50,000 บาท/บาททองคำ หากได้อานิสงส์เพิ่มเติมจากเงินบาทอ่อนค่า 

ราคาทองมีโอกาสปรับขึ้นจากความกังวลในความไม่แน่นอนด้านนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ล่าสุดได้ลงนามประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียมทั้งหมดเข้าสู่สหรัฐ สู่ระดับ 25% โดยไม่มีข้อยกเว้น จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค.68 แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยกเว้นภาษีจากแคนาดา และเม็กซิโกให้ 1 เดือน แต่ทั้ง 2 ประเทศอาจได้รับผลกระทบอีกครั้ง เพราะต่างมีการส่งเหล็ก และอลูมิเนียมให้สหรัฐในสัดส่วนที่สูง นอกจากนี้ “ทรัมป์” ยังได้ส่งสัญญาณวางแผนประกาศใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) เพิ่มเติมในสัปดาห์นี้

รวมทั้งความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังเพิ่มขึ้น เมื่อกลุ่มฮามาสระงับการปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอล โดยอ้างว่าอิสราเอลฝ่าฝืนการหยุดยิงในฉนวนกาซา ในขณะที่ “ทรัมป์” กล่าวว่าฮามาสต้องปล่อยตัวประกันทั้งหมดที่ถูกจับตัว ภายในเที่ยงวันเสาร์นี้ (15 ก.พ.68) มิฉะนั้นเขาจะเสนอให้ยกเลิกข้อตกลงหยุดยิง และความคาดหวังของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง กำลังสนับสนุนทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปของอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้ตามแผนถึง 2 ครั้ง ในขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางอินเดีย ได้ลดอัตราดอกเบี้ยแบบปผ่อนปรน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆ นี้ ตามการเคลื่อนไหวที่คล้ายกันของธนาคารกลางยุโรป, ธนาคารกลางสวีเดน และธนาคารแห่งประเทศจีน

อีกทั้งการซื้อทองคำของธนาคารกลาง ยังเพิ่มดีมานด์ทองคำแท่งอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่มีระดับการเข้าซื้อสูงเกิน 1,000 ตัน โดยในเดือนม.ค.68 ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เพิ่มปริมาณทองคำสำรองเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

นอกจากนี้ทองคำยังได้ปัจจัยหนุนเพิ่มเติม จากการที่สำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติของจีน (NFRA) จัดตั้งโครงการ (pilot scheme) อนุญาตให้บริษัทประกันภัยในจีน สามารถลงทุนในทองคำแท่งได้มากถึง 1% ของสินทรัพย์ทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างการจัดสรรสินทรัพย์ประกันภัย

ทั้งนี้ราคาทองคำเข้าใกล้ราคาเป้าหมายที่ให้ไว้เร็วกว่าที่คาด โดยวายแอลจียังคงเป้าหมายเดิม 3,000 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ไว้เป็น Base Case แต่หากโมเมนตัมทองคำยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง มองว่าจะมีโอกาสขึ้นทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 3,100 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ หากผ่าน 48,000 บาท/บาททองคำ จะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 50,000 บาท/บาททองคำ

อย่างไรก็ดีราคาทองคำถือว่าปรับตัวขึ้นมาแรงและเร็ว จึงแนะนำให้ระมัดระวังแรงเทขายทำกำไร โดยนักลงทุนที่มีทองอยู่ในมือสามารถแบ่งขายทำกำไรออกมาบางส่วนที่โซนแนวต้าน 2,975-3,000 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ขณะที่นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำนั้น แนะนำให้หาจังหวะราคาทองคำย่อตัว บริเวณแนวรับแรก 2,895 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หากเอาไม่อยู่มอง แนวรับสำคัญไว้ที่ระดับ 2,870 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles