ศูนย์วิจัยกสิรไทย เปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกไทยเดือนมี.ค.2568 อยู่ที่ 29,548.3 ล้านดอลลาร์ฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขยายตัว 17.8% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป สูงสุดในรอบ 3 ปี การเร่งนำเข้าสินค้าก่อนสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าในช่วงต้นเดือนเม.ย. 2568 หนุนการส่งออกไทยไปตลาดหลักให้เติบโตทุกตลาด โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม เช่น คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน (รวม HDD) ที่ขยายตัวได้ 80% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไปส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ และจีนเป็นสำคัญ
ส่วนการส่งออกทองคำขยายตัวสูง 269.5% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป ตามราคาในตลาดโลกที่ปรับสูงเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน หากหักทองคำการส่งออกไทยเดือนมี.ค.อยู่ที่ 13.8% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป ขณะที่การส่งออกแพลทินัมไปอินเดียขยายตัวชะลอลงหลังอินเดียมีมาตรการจำกัดการนำเข้าเมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค.2568
ขณะที่การส่งออกแผงโซลาร์เซลล์หดตัวที่ -31.2% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป จากมาตรการ AD/CVD ของสหรัฐฯ ซึ่งไทยมีแนวโน้มจะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงสุดถึง 375% อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกไทยอาจไม่มากนักเนื่องจากการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐฯ มีบทบาทลดลงตั้งแต่ปี 2567
ไตรมาสที่ 2/2568 การส่งออกไทยคาดว่าจะยังขยายตัวเป็นบวกแต่ชะลอลงจากไตรมาสแรกอย่างมีนัยสำคัญ จากการเร่งนำเข้าสินค้าไปมากแล้ว และผลของปัจจัยฐานในเดือนพ.ค.2567 ที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ครึ่งปีหลัง การส่งออกไทยคาดว่าจะหดตัวจากผลของการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
1)การส่งออกไทยในเดือนเม.ย.2568 อาจชะลอลงจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2568 มีความรุนแรงมากกว่าคาด ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะขยายเวลาปรับขึ้นภาษีนำเข้าออกไป 90 วัน (สิ้นสุด 9 ก.ค.2568) แต่จากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีอาจทำให้เกิดการเร่งส่งออกไม่มาก
โดยการส่งออกของเกาหลีใต้ 20 วันแรกของเดือนเม.ย. หดตัว -5.2% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป
2) แม้สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลงราวครึ่งหนึ่งจากระดับ 145% แต่อัตราดังกล่าวยังคงสูงกว่าที่เรียกเก็บจากประเทศอื่นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ไทยต้องเผชิญแรงกดดันด้านการแข่งขันจากสินค้าจีนที่เพิ่มขึ้นทั้งในตลาดโลกและภายในประเทศ โดยเฉพาะสัดส่วนการส่งออกของจีนไปอาเซียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สวนทางสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ลดลง
3)ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลกเพิ่มขึ้น กดดันเศรษฐกิจและการค้าโลกให้ชะลอตัวกระทบภาพรวมการส่งออกไทย โดยองค์กรการค้าระหว่างประเทศ (WTO) ได้ปรับลดคาดการณ์การค้าโลกลงที่ -0.2% จากเดิมที่เคยประเมินไว้ในเดือนต.ค.2567 ที่ 3.0%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการส่งออกไทยในปี 2568 หดตัว -0.5% จากก่อนหน้าที่ประเมินไว้อาจขยายตัวที่ 2.5% อย่างไรก็ดี การส่งออกไทยอาจกลับมาขยายตัว หากสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ให้ถูกเก็บภาษีต่ำกว่า 36% และต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง อาทิ เวียดนาม และมาเลเซีย แต่หากการเจรจาไม่บรรลุผลหรือไทยถูกเก็บภาษีสูงกว่า อาจส่งผลกระทบทางลบต่อการส่งออกไทย