การ์ทเนอร์(Gartner) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชื่อดังระดับโลก เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี โดยนายเปโดร ปาเชโก รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าเมื่อถึงปี 2027 หรือปี 2570 จะมี 15% ของบริษัทผลิตรถอีวีที่ก่อตั้งขึ้นในช่วง 10 ปีผ่านมา จะเผชิญภาวะล้มละลาย หรือถูกซื้อควบรวมกิจการเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดการณ์ไว้ไม่ได้หมายถึงการล่มสลายของผู้ผลิตรถอีวี แต่เป็นการสะท้อนถึงยุคอุตสาหกรรมยานยนต์ใหม่ที่บริษัทหรือผู้ผลิตยานยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดจะเป็นผู้ชนะในตลาดทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 ตลาดรถอีวีทั่วโลกจะยังขยายตัวต่อเนื่อง ในปีนี้จะมียอดจัดส่งรถอีวีจะมีสูงถึง 18.4 ล้านคัน และขยายเพิ่มเป็น 20.6 ล้านคันในปี 2025
บริษัทการ์ทเนอร์ เปิดเผยว่า ในปี 2027 รถอีวีรุ่นใหม่จะมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยถูกลงกว่ารถยนต์ใช้เครื่องยนต์สันดาปในกลุ่มประเภทรถยนต์เดียวกัน โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตรถอีวีจะลดลงเร็วกว่าต้นทุนในการแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างมาก ในอีกทางหนึ่ง สรุปได้ว่าต้นทุนการผลิตรถอีวีจะถึงจุดที่ต้นทุนการผลิตเท่ากับรถยนต์เครื่องสันดาปได้รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกอย่างมาก สิ่งที่น่าสนใจ คือ จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถอีวีบางส่วนมีราคาสูงด้วย
นอกจากนี้ ต้นทุนเฉลี่ยการซ่อมตัวถังรถอีวี และซ่อมแซมแบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่งประสบอุบัติเหตุรุนแรง พบว่าจะมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นถึง 30% ส่งผลให้รถอีวีที่เกิดเสียหายจากอุบัติเหตุไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม จึงมีแนวโน้มที่เจ้าของรถอีวีจะตัดใจขายทิ้งมากกว่าจะซ่อมแซม สาเหตุจากค่าซ่อมแซมอาจมีราคาสูงกว่ามูลค่าคงเหลือของซากรถอีวี แนวโน้มนี้ ยังส่งผลไปถึงต้นทุนการซ่อมแซมรถอีวีที่เกิดอุบัติเหตุการชนที่มีราคาสูงกว่า มีผลให้ค่าเบี้ยประกันมีราคาแพงสูงขึ้นมาก รวมถึงแนวโน้มการปฏิเสธจากบริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองรถอีวีรุ่นใดรุ่นหนึ่ง