วิจัยชี้ ‘อาหารและเครื่องดื่มระดับพรีเมียม’ พลังสำคัญ ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้าเมืองไทย แนะพิจารณาขยายเวลาขายแอลกอฮอล์

วิจัยชี้ ‘อาหาร และเครื่องดื่มระดับพรีเมียม’ พลังสำคัญ ดึงนัก ท่องเที่ยว คุณภาพสูงเข้าเมืองไทย แนะพิจารณาขยายเวลาขายแอลกอฮอล์

นักท่องเที่ยวคุณภาพสูงกำลังกลายเป็นพลังสำคัญที่เพิ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของภาคการท่องเที่ยว และส่งเสริมการปฏิบัติตามแนวทางความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโอกาสนี้ ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยจำเป็นต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้คุณค่าและปัจจัยที่ผลักดันให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ตัดสินใจเลือกจุดหมายการเดินทาง

รายงานฉบับล่าสุดที่จัดทำภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Oxford Economics และสมาพันธ์สุราและไวน์นานาชาติแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific International Spirits & Wines Alliance) หรือ APISWA ระบุว่าตัวเลือกอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ระดับพรีเมียมมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และช่วยเพิ่มการใช้จ่ายโดยรวมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย

รายงานเรื่อง ‘Capturing High Quality Tourism for Southeast Asia: The Impact of Premium F&B Experiences on Destination Choice’ (การส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: อิทธิพลของประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มแบบพรีเมียมที่มีต่อการเลือกจุดหมายปลายทาง) มีข้อมูลเชิงลึกดังนี้

– 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าประสบการณ์ด้าน F&B คือ ปัจจัยสำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทาง มากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรม และการช้อปปิ้ง โดย 75% ของนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูงให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้

– นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเลือกจุดหมายปลายทางที่นำเสนอประสบการณ์ F&B คุณภาพสูง มากกว่าจุดหมายปลายทางที่มีตัวเลือกจำกัดถึง 2.5 เท่า

– นักท่องเที่ยวพร้อมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 250 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อคนต่อวัน สำหรับ F&B ระดับพรีเมียมที่มาพร้อมบริการที่ดีเยี่ยม โดยแนวโน้มนี้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มรายได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวตระหนักถึงคุณค่าที่เพิ่มขึ้นจากข้อเสนอแบบพรีเมียมที่มีคุณภาพสูง

– แนวคิดเรื่อง “ความคุ้มค่า” มีความสำคัญมากสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มรายได้สูงและรายได้น้อยกว่า โดย 78% ของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงมองว่า “ความคุ้มค่า” เป็นปัจจัยที่ “สำคัญ” หรือ “สำคัญมาก”

– เมื่อพูดถึงประสบการณ์ F&B ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความปลอดภัย’เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด โดย 84% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า “ความปลอดภัย” เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทาง

การสำรวจครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลจากนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพจำนวน 1,800 คน ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทั้งหมดมาจากประเทศที่เป็นตลาดสำคัญ 5 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่ารัฐบาลของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังมุ่งเน้นดึงดูดนักท่องเที่ยว “คุณภาพสูง” เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน “ประเทศต่างๆ ต้องการเพิ่มยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว มากกว่าเพิ่มยอดนักท่องเที่ยว” นายเทียนประสิทธิ์ กล่าว

สำหรับประเทศไทยรัฐบาลได้เปิดตัวโครงการ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 โดยตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39 ล้านคนในปีนี้ และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึง 3.5 ล้านล้านบาท โดยเน้นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ทั้งนี้ในปี 2567 ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.67 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตามแม้ว่าธนาคารโลกจะคาดการณ์ว่ายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2568 จะสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 แต่ก็เตือนว่านักท่องเที่ยวอาจใช้จ่ายน้อยลง โดยคาดว่าการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปจะลดลงประมาณ 20%

นายเรวัตร คงชาติ กรรมการสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน กล่าวว่าความต้องการประสบการณ์พรีเมียมในภาคการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยแนวโน้มนี้มาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวอายุน้อยและมีกำลังซื้อสูง ซึ่งมองหาตัวเลือกที่ผ่านการคัดเลือกแล้วและมีความเป็นมืออาชีพ

นายเรวัตร อธิบายต่อว่า ประเทศไทยอยู่ในฐานะที่ดีเยี่ยมและเหมาะสมที่จะตอบสนองเทรนด์ความต้องการ F&B ระดับพรีเมียม เพราะเป็นประเทศที่มีอาหารที่หลากหลายและโดดเด่น สามารถรังสรรค์เมนูใหม่ๆ ที่ผสมผสานจุดเด่นของอาหารท้องถิ่นและอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

นางอัญชลี ภูมิศรีแก้ว จาก APISWA กล่าวเสริมว่า “มีโอกาสสำคัญและการต่อยอดทางธุรกิจที่รออยู่มากมายในวงการ F&B ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นและสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับการท่องเที่ยวได้มากขึ้น โดยสิ่งสำคัญ คือ การที่ผู้กำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวต้องส่งเสริมปัจจัยแวดล้อมที่สนับสนุนต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ F&B ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนแนวทางการประกอบการใหม่ ๆ และส่งเสริมการเติบโตการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ต้องสอดรับกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยวด้วย”

“รัฐบาล ผู้นำอุตสาหกรรม และคณะกรรมการการท่องเที่ยวจำเป็นต้องร่วมมือกันในการดำเนินนโยบายที่ส่งเสริมธุรกิจ F&B ในประเทศไทย สิ่งนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่า ภาคธุรกิจ F&B ของประเทศไทยสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว” นายธิปไตร แสละวงศ์ นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าว

นอกจากนี้ Oxford Economics และ APISWA แนะนำว่าเพื่อยกระดับภาคการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ ผู้กำหนดนโยบายควรเสริมสร้างความพร้อมในการนำเสนอประสบการณ์ F&B ซึ่งหมายถึง การมีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ราคาสมเหตุสมผล และเข้าถึงได้ง่าย ขณะเดียวกัน ต้องช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงตัวเลือก F&B ที่หลากหลายและบริการที่มีคุณภาพได้สะดวกมากขึ้น เช่น ขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานประกอบการ และพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะเพื่อการบริการที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้หนึ่งในประเด็นนโยบายสำคัญที่ควรได้รับการพิจารณา คือ การจำกัดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. การปรับปรุงข้อจำกัดนี้สามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยจะช่วยให้ธุรกิจภาคบริการสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้จะต้องมีนโยบายและข้อบังคับที่สร้างบรรยากาศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีราคาเหมาะสมแข่งขันได้ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากขึ้น เช่น ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ลดภาษีสินค้าประเภทไวน์ เช่นเดียวกันกับที่รัฐบาลฮ่องกงได้ปรับอัตราภาษีสำหรับสุราในบางช่วงราคา เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมสถานบันเทิงยามค่ำคืนและส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับพรีเมียม นโยบายเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม F&B ให้เติบโตยิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles