ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนก.พ. 2568 ปรับเพิ่มขึ้นที่ 1.08% YoY อยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.99% YoY โดยยังเป็นผลของปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยมาจากราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.พ. 2567 ที่ราคาตกต่ำเนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าในปริมาณมาก นอกจากนี้ราคาสินค้าอาหารและเกษตรหลายรายการปรับเพิ่มขึ้น อาทิ เครื่องปรุงรส ยางพารา และปาล์มน้ำมัน
ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศปัจจุบัน (วันที่ 7 มี.ค.2568) ถูกตรึงไว้ไม่เกิน 33 บาทลิตร หรือสูงขึ้น 10% YoY ขณะที่ค่าไฟฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้าแต่มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าน้อยได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อปลายปี 2567
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมอง ทิศทางเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาสแรกของปี จะอยู่ที่ 1.1% YoY และเริ่มทยอยลดลงต่ำกว่า 1% ในไตรมาส 2-4 จากปัจจัยฐานที่ปรับสูงขึ้น โดยทั้งปี 2568 ยังคงประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.7%
แนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกในปี 2568 คาดว่าอาจปรับลดลงเฉลี่ยราว 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากปีก่อนหน้า เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ และปริมาณการผลิตที่อาจเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาครัฐอาจปรับลดค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลงเพื่อบรรเทาค่าครองชีพให้ครัวเรือน
ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการมีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะราคาข้าวที่ได้รับแรงกดดันจากอินเดียที่ได้ยกเลิกมาตรการระงับการส่งออก รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตรในปีนี้มีมากกว่าปีก่อน เช่น มะนาว พริกสด เป็นต้น
ขณะที่โมเมนตัมอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแรงลงแม้มีมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ แต่คาดว่าจะสนับสนุนการใช้จ่ายได้ไม่มาก ส่วนหนึ่งครัวเรือนยังถูกกดดันด้วยภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่แผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในไตรมาส 2-4 ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
