วินกรุ๊ป (Vingroup) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมหลากหลายขนาดใหญ่ชื่อดังที่สุดในประเทศเวียดนาม และเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้า หรือรถอีวีแบรนด์วินฟาสท์ชื่อดังของเวียดนาม เปิดเผยว่า เตรียมเสนอขายกลุ่มธุรกิจค้าปลีกมีชื่อว่าวินคอม รีเทล (Vincom Retail) ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจหลัก หรือเส้นเลือดใหญ่ค่าปลีกที่มีสาขามากกว่า 80 แห่งในประเทศเวียดนาม ซึ่งแต่ละสาขาจะตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ หรือแหล่งช้อปปิ้งสำคัญ ก่อนหน้านี้ในปี 2019 วินกรุ๊ปขายธุรกิจค้าปลีกประเภทซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อว่าวินคอมเมิร์ซให้กับกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ในประเทศมีชื่อว่าเทสัน กรุ๊ป
การเสนอขายกลุ่มธุรกิจค้าปลีกครั้งสำคัญนี้ มีนักวิเคราะห์จำนวนมากทั้งในเวียดนาม และในต่างประเทศ วิเคราะห์ว่า วินกรุ๊ป ต้องการได้เงินจากการขายธุรกิจดังกล่าว พร้อมกับเตรียมนำธุรกิจในเครือด้านที่พักรีสอร์ตระดับหรูหรามีชื่อว่าวินเพิร์ลเข้าตลาดหุ้น เพื่อได้เงินทุนรวมกันมาสนับสนุนธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีแบรนด์วินฟาสท์ ที่เผชิญกับตลาดที่แข่งขันรุนแรง ปัญหาการถูกเรียกรถอีวีคืนจากตลาดถึง 4 ครั้ง และท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สะท้อนไปที่ผลการดำเนินงานของบริษัทวินฟาสท์ที่ขาดทุน
นายฝ่ามเญิ้ตเวือง มหาเศรษฐีรวยอันดับ 1 ในเวียดนาม ประธานและผู้ก่อตั้งวินกรุ๊ป และบริษัทวินฟาสท์ ออโต้ ลิมิเท็ด หรือวีเอฟเอส ซึ่งเป็นผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าชื่อว่าวินฟาสท์ กล่าวเมื่อเดือนเมษายนผ่านมา ว่า จะไม่มีวันยอมแพ้กับธุรกิจรถอีวีวินฟาสท์ และเน้นว่าบริษัทเดินทางถูกทิศทางกับรถอีวี ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ วินฟาสท์ทำยอดขายรถอีวีได้รวม 9,689 คัน เพิ่มขึ้น 5.4 เท่าเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ในขณะที่ ยอดขายรถวินฟาสท์สะสมรวมแตะ 50,000 คันนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ขณะที่ในปี 2023 ผ่านไปนั้น มีถึง 70% ของจำนวนรถอีวีวินฟาสท์ถูกขายให้บริษัทชื่อจีเอสเอ็ม เพื่อทำเป็นรถอีวีแท็กซี่ นอกจากนี้ วินฟาสท์กำหนดแผนตั้งโรงงานผลิตรถอีวีในประเทศอินโดนีเซีย และอินเดีย ด้วยมูลค่าการลงทุนในปีนี้จะมีมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 37,000 ล้านบาท
สำหรับบริษัทกรีน แอนด์ สมาร์ท โมบิลิตี้ หรือจีเอสเอ็มนั้น เป็นธุรกิจส่วนตัวของมหาเศรษฐี นายฝ่ามเญิ้ตเวือง ที่เปิดบริการรถอีวีแท็กซี่ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำยอดขายรถอีวีของวินฟาสท์ โดยยอดขายมากกว่า 80% ของรถวินฟาสท์มาจากการสนับสนุนของบริษัทต่างๆที่อยู่ในเครือวินกรุ๊ป และบริษัทส่วนตัวเองของมหาเศรษฐี นายฝ่ามเญิ้ตเวือง ในเดือนมีนาคมผ่านมา วินฟาสท์ได้แยกสายงานธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้าออกไปเติบโตอย่างอิสระ แต่ก็อยู่ภายใต้นายฝ่ามเญิ้ตเวือง ซึ่งประกาศแผนงานจะลงทุนสูงถึง 10 ล้านล้านด่องเวียดนาม หรือ 14,500 ล้านบาทใน 2 ปีข้างหน้าเพื่อสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้ารถอีวี
แต่ละโครงการและมูลค่าเงินลงทุนจำนวนมากมาย ทำให้การประชุมผู้ถือหุ้นกลุ่มบริษัทวินกรุ๊ปเมื่อเมษายนผ่านมานั้น นายฝ่ามเญิ้ตเวือง มหาเศรษฐีรวยอันดับ 1 ในเวียดนาม และประธานกลุ่มบริษัทวินกรุ๊ป ได้ปฏิเสธความกังวลเกี่ยวกับปัญหากระแสเงินสด แม้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนตั้งคำถามนี้ในการประชุมดังกล่าว ในแง่ผลการดำเนินงานตามข้อมูลทางบัญชี พบว่า ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตรวมถึงรถอีวี พบว่าประสบการขาดทุนที่กระทบรายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในเครือของวินกรุ๊ป จนถึงสิ้นสุดธันวาคมปีผ่านมา ประธานบริษัทวินกรุ๊ปใช้เงินทุนส่วนตัวเองใส่เข้าไปในบริษัท ส่งผลให้มีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิทันที
ตัวเลขทางบัญชี พบว่า กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเมื่อสิ้นสุดธันวาคม 2023 เป็นติดลบมากถึง 20 ล้านล้านด่อง หรือกว่า 29,000 ล้านบาท และกระแสเงินสดในภาพรวมซึ่งรวมถึงกระแสเงินสดการลงทุนด้วยนั้น กำลังเข้าใกล้ติดลบเป็น 50 ล้านล้านด่อง หรือกว่า 72,500 ล้านบาท บริษัทฯ จึงเปิดเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อให้ได้เงินทุนมาทำการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคิดเป็น 85% ของมูลหนี้ทั้งหมด รวมถึงการเลื่อนการไถ่ถอนหุ้นกู้ของบริษัทในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับเจ้าหนี้
ทั้งนี้ แบรนด์รถอีวีวินฟาสท์ต้องเผชิญกับการเรียกคืนรถอีวีออกจากตลาดรถยนต์ถึง 4 ครั้งในปี 2022 ปีเดียว และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ พบว่ามีการเรียกคืนรถวินฟาสท์มากกว่า 11,000 คัน หรือเท่ากับทุกๆ 5 คันที่ขายไป จะต้องมี 1 คันที่ถูกเรียกคืนจากตลาด ล่าสุด โครงการก่อสร้างโรงงานวินฟาสท์ในสหรัฐอเมริกาต้องเลื่อนออกไป