นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักกฎหมาย VLA ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ตัวแทน “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13:30 น. ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เริ่มไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) นัดแรกโดยมีผู้เสียหาย “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกประมาณ 800 ราย เสียหายรวมกันกว่า 1,800 ล้านบาท ร่วมฟังการพิจารณาหลังจากมีตัวแทนกลุ่มเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล อดีตกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศรวม 23 รายเป็นจำเลยในคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายรวมเพื่อการลงโทษไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท ถือเป็นการฟ้องคดีแบบกลุ่ม (Class Action) เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย
คดีนี้สืบเนื่องจาก Zipmex ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทการเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนด การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้ก่อความเสียหายต่อประชาชนผู้ลงทุน ต่อมาสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พบการกระทำความผิดกฎหมายหลาย กรณีและได้กล่าวโทษจำเลยไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีอาญา อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลังโดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัลของ Zipmex ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2567
นายกิจจา จงขวัญยืน ในฐานะตัวแทน “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” และโจทก์ผู้ริเริ่มคดี กล่าวว่า Zipmex ได้ยุติการเข้าถึงเหรียญคริปโทฯ ของประชาชนหลายหมื่นราย ตั้งแต่ปี 2565 ผ่านมา 2 ปีครึ่งแล้ว แม้มีการกล่าวโทษโดย ก.ล.ต. และพิจารณาข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณา แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินคดีหรืออายัดทรัพย์ เพื่อเยียวยาผู้เสียหายแต่อย่างใด พวกเราจึงจำเป็นต้องรวมตัวยื่นฟ้องแพ่งดำเนินคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม เพื่อปกป้องสิทธิของผู้เสียหายจำนวนมากที่ไม่สามารถว่าจ้างทนายได้ และยังช่วยลดจำนวนคดีในศาล ที่ผ่านมาผู้เสียหายต้องดิ้นรนต่อสู้เรียกร้องกันเอง ฝากถึงผู้รับผิดชอบในรัฐบาลเร่งรัดคดีอาญาเพื่อคืน ความเป็นธรรมและฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้ตลาดเงินสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยด้วย ส่วนการฟ้องคดี แบบกลุ่มที่ศาลกำหนดนัดครั้งแรกในวันนี้ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญในการทวงคืนค่าเสียหายทางแพ่งให้ผู้เสียหายทุกคน ขอเชิญผู้เสียหายทุกคนมาเข้าร่วมกลุ่มเพื่อทวงความเป็นธรรมร่วมกันได้
โดยในวันนี้กระบวนการดำเนินคดีผู้บริโภคแบบกลุ่มเริ่มนับหนึ่งแล้ว ขอให้จำเลยทุกราย โปรดรีบรับผิดชอบเร่งเยียวยาผู้เสียหายเพราะท่าทีและความจริงใจในวันนี้อาจมีผลต่อคดีอาญาที่จะตามมา โดยจะดำเนินการแนวทางเดียวกับคดีสตาร์ค คอร์ปอเรชั่น [STARK]ซึ่งตนยื่นฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม (Class Action) พร้อมเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในคดีอาญาซึ่งมีอดีตผู้บริหารสตาร์คฯ ถูกขังในเรือนจำแล้ว