วันที่ 24 มกราคม องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. นับแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
จากนั้น เวลา 14.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ทั้งนี้ ก่อนอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้แจงทำความเข้าใจว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยแจ้งให้คู่กรณีทราบว่าคดีนี้ผู้ถูกร้องขอขยายระเวลายื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาจำนวน 2 ครั้งๆละ 30 วัน รวม 60 วัน ซึ่งศาลอนุญาต เพราะฉะนั้นคดีนี้ควรจะเสร็จสิ้นไปก่อน 60 วันที่แล้ว ไม่ใช่ว่าศาลล่าช้า
ศาลยังได้แจ้งให้คู่กรณีทราบว่า การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีทางสื่อต่างๆ ถือว่าเป็นการไม่สมควร ไม่เหมาะสม เพราะการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะบวกหรือลบก่อนศาลวินิจฉัยเป็นการชี้นำ กดดันศาล เพราะฉะนั้นการกระทำแบบนี้ ถือว่าไม่เหมาะสม ขอเตือนไว้ด้วย
โดยศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นมีมติวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากเนื่องจากในวันที่ 4 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันที่พรรคก้าวไกลยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อต่อกกต. แม้นายพิธาจะเป็นผู้ถือหุ้น 42,000 หุ้น แต่ในวันดังกล่าว บริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน ได้สิ้นสภาพความเป็นสื่อไปก่อนแล้วนับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2550 ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้บอกเลิกสัญญา