ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐมีมติ 7 ต่อ 4 เสียง ตัดสินส่วนใหญ่ของภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) ผิดกฎหมาย แต่บังคับใช้ได้ถึง 14 ต.ค. ปธน.ทรัมป์มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงได้

ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐ มีมติ 7 ต่อ 4 เสียง ตัดสินส่วนใหญ่ของภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) ผิดกฎหมาย แต่บังคับใช้ได้ถึง 14 ต.ค. ปธน.ทรัมป์มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงได้

ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แถลงคำตัดสินมีมติ 7 ต่อ 4 เสียง พิจารณาว่ามาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Recipocal Tariffs ของรัฐบาลกลางซึ่งบริหารโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้น ส่วนใหญ่ของมาตรการภาษีดังกล่าวผิดกฎหมาย แต่มีมติให้ผลการบังคับใช้ภาษีต่างตอบแทนมีผลตามปกติถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา หรือศาลสูงแห่งสหรัฐอเมริกาได้

ขณะที่คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ครอบคลุม หรือไม่มีผลกระทบกับการบังคับใช้มาตรการการเก็บภาษีนำเข้ากับรายอุตสาหกรรม หรือรายสินค้า ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจการบริหารที่ถูกต้องและอยู่ภายใต้กฎหมายที่ชัดเจน เช่น การประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก อลูมิเนียม รถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เวชภันฑ์ เซมิคอนดักเตอร์ และอื่นๆ จากต่างประเทศ

การแถลงคำตัดสินดังกล่าวเป็นผลจากกรณีการยื่นอุทธรณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากศาลชั้นต้นตัดสินว่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีอำนาจภายใต้กฎหมายเศรษฐกิจฉุกเฉินสากล หรือ IEEPA International Emergency Economic Powers Act ที่จะสามารถประกาศคำสั่งมาตรการการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกือบทุกประเทศโดยไม่มีกำหนดเวลา

ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐอเมริกา แถลงต่อไปว่า กฎหมายเศรษฐกิจฉุกเฉินสากล หรือ IEEPA ให้อํานาจที่สําคัญแก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในการดําเนินมาตรการเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินระดับชาติตามที่ประกาศไว้ แต่อำนาจที่กฎหมายดังกล่าวให้ไว้ไม่รวมถึงอํานาจในการกําหนดอัตราภาษีศุลกากรหรือภาษีนำเข้า อากร หรืออื่นๆที่คล้ายคลึงกัน หรือแม้แต่อํานาจในการเก็บภาษี

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2025 ผ่านมา ศาลอุทธรณ์แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศคำตัดสินให้การบังคับใช้กฎหมายภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs และภาษีการค้าอื่นๆ ภายใต้คำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีผลตามปกติ นอกจากนี้ ศาลอุทธรณ์แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะพิจารณาคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งสังกัดศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 ว่ากฎหมายการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs เป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืน หรือผิดกฎหมายหรือไม่ จากการชี้แจงเหตุผลคำตัดสินของศาลดังกล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตกฎหมายกำหนดไว้

คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ในวันที่ 10 มิถุนายน ส่งผลให้กฎหมายภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tarifffs มีผลบังคับใช้ในปัจจุบันไปตามปกติ รวมถึงกฎหมายภาษีนำเข้าสินค้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดเก็บภาษีสูงขึ้นจากอัตราเดิม ซึ่งประกาศไปเมื่อก่อนวันที่ 2 เมษายน 2025 กับประเทศแคนาดา เม็กซิโก และจีน ยังคงมียังคงมีผลบังคับใช้ไปตามปกติเช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ศาลอุทธรณ์แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศคำตัดสินคุ้มครองคำร้องของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราว โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกายื่นร้องขอให้ระงับคำตัดสินของรัฐบาลกลาง(ศาลการค้า) สหรัฐอเมริกาซึ่งตัดสินว่ากฎหมายการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ผิดกฎหมาย เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐนายโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตกฎหมายกำหนดไว้ นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ทั้งสองฝ่ายส่งเอกสารสำคัญเพื่อใช้ในการพิจารณาเพิ่มเติมภายในวันที่ 9 มิถุนายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา

การยื่นอุทธรณ์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีขึ้นทันทีหลังจากเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 ศาลชั้นต้นสหรัฐอเมริกาแห่งนครแมนฮัตตัน แถลงว่า ผู้พิพากษา 3 ราย มีมติยับยั้งการบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทนหรือ Reciprocal Tariffs ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่อาศัยอำนาจประกาศมาตรการดังกล่าวภายใต้กฎหมายอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินสากลของสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ระบุการให้อำนาจแก่รัฐสภาสหรัฐอเมริกา ในการกำกับการค้ากับนานาประเทศ ซึ่งไม่สามารถได้รับการแทรกแซงหรือกำกับเกินขอบเขตอำนาจ ภายใต้การใช้กฎหมายอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินสากลของสหรัฐอเมริกา เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles