เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2025 เวลา 20.30 น. หรือตรงกับวันนี้ 11 มิถุนายน 2025 เวลา 7.30 น. ของไทย ศาลอุทธรณ์แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศคำตัดสินให้ในขณะนี้การบังคับใช้กฎหมายภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs และภาษีการค้าอื่นๆ ภายใต้คำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีผลตามปกติ นอกจากนี้ ศาลอุทธรณ์แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะพิจารณาคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งสังกัดศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 ว่ากฎหมายการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs เป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืน หรือผิดกฎหมายหรือไม่ จากการชี้แจงเหตุผลคำตัดสินของศาลดังกล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตกฎหมายกำหนดไว้
คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ในครั้งนี้ ส่งผลให้กฎหมายภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tarifffs มีผลบังคับใช้ในปัจจุบันไปตามปกติ รวมถึงกฎหมายภาษีนำเข้าสินค้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดเก็บภาษีสูงขึ้นจากอัตราเดิม ซึ่งประกาศไปเมื่อก่อนวันที่ 2 เมษายน 2025 กับประเทศแคนาดา เม็กซิโก และจีน ยังคงมียังคงมีผลบังคับใช้ไปตามปกติเช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 เวลา 17.00 น. ตามเวลากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งตรงกับวันที่ 30 พฤษภาคม 2025 เวลาศูนย์ 4.00 น. เวลาไทย ศาลอุทธรณ์แห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศคำตัดสินคุ้มครองคำร้องของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราว โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกายื่นร้องขอให้ระงับคำตัดสินของรัฐบาลกลาง(ศาลการค้า) สหรัฐอเมริกาซึ่งตัดสินว่ากฎหมายการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ผิดกฎหมาย เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐนายโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตกฎหมายกำหนดไว้ นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ทั้งสองฝ่ายส่งเอกสารสำคัญเพื่อใช้ในการพิจารณาเพิ่มเติมภายในวันที่ 9 มิถุนายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา
การยื่นอุทธรณ์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีขึ้นทันทีหลังจากเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 เมื่อเวลา 20.10 น. ตามเวลาในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 7.10 น. ของไทยในวันนี้ 29 พฤษภาคม 2025 ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาแห่งนครแมนฮัตตัน เปิดแถลงว่า ผู้พิพากษา 3 ราย มีมติยับยั้งการบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทนหรือ Reciprocal Tariffs ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่อาศัยอำนาจประกาศมาตรการดังกล่าวภายใต้กฎหมายอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินสากลของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ระบุการให้อำนาจแก่รัฐสภาสหรัฐอเมริกา ในการกำกับการค้า กับนานาประเทศ ซึ่งไม่สามารถได้รับการแทรกแซงหรือกำกับเกินขอบเขตอำนาจ ภายใต้การใช้กฎหมายอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินสากลของสหรัฐอเมริกา เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา