ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดส่งออกไมโครเวฟของไทยไปสหรัฐฯ จ่อหดตัว 4% ในปี 2569 หลังถูกเก็บภาษีทรัมป์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ก่อนสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า มีแนวโน้มการนำเข้าไมโครเวฟจากมาเลเซียลดลง ขณะที่การส่งออกไมโครเวฟจากไทยไปยังสหรัฐฯ ขยายตัวเล็กน้อย เนื่องจากราคานำเข้าเฉลี่ยจากไทยลดลง ในขณะเดียวกัน ราคานำเข้าจากมาเลเซียกลับปรับตัวสูงขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกไมโครเวฟของไทยไปยังสหรัฐฯ ในปี 2569 คาดว่าจะหดตัวราว 4% หลังจากภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้ตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ ไทยอยู่ในอันดับ 3 ของผู้ส่งออกไมโครเวฟไปยังสหรัฐฯ รองจากจีนและมาเลเซีย ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย โดยคิดเป็น 1 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกรวม ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกไมโครเวฟไปยังสหรัฐฯ คิดเป็น 27% ของมูลค่าการส่งออกรวม อย่างไรก็ตาม การนำเข้าไมโครเวฟของสหรัฐฯ จากไทยยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 2% ในขณะที่จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด โดยมีส่วนแบ่งมากกว่า 90%  

ไมโครเวฟที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มแบรนด์ญี่ปุ่น โดยเน้นตลาดระดับกลางถึงพรีเมียม และมักเป็น รุ่นเชิงพาณิชย์ หรือ รุ่นเฉพาะทาง แตกต่างจากสินค้าจากจีนที่ส่วนใหญ่เน้นปริมาณและเจาะตลาดแมสในระดับราคาประหยัดถึงปานกลาง ในขณะเดียวกัน การผลิตไมโครเวฟภายในประเทศของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในวงจำกัด โดยส่วนมากมุ่งเน้นไปที่ผลิตรุ่นระดับไฮเอนด์ เช่น ไมโครเวฟแบบติดตั้งกับตู้ครัว (built-in)

ขณะที่ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก่อนสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า จีนครองส่วนแบ่งการนำเข้าไมโครเวฟในสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด โดยส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจีนสามารถผลิตไมโครเวฟด้วยต้นทุนต่ำและปริมาณการผลิตสูง ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ มีแนวโน้มการนำเข้าไมโครเวฟจากมาเลเซียลดลง เนื่องจากจีนเข้ามามีบทบาทสำคัญและแย่งส่วนแบ่งตลาดจากมาเลเซีย ในขณะที่การส่งออกไมโครเวฟจากไทยไปยังสหรัฐฯ ขยายตัว เนื่องจากราคานำเข้าเฉลี่ยของไมโครเวฟจากไทยลดลงในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ ราคานำเข้าจากมาเลเซียกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 

การส่งออกไมโครเวฟของไทยไปยังสหรัฐฯ ในช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค. ปี 2568 มีทิศทางเพิ่มขึ้น ในขณะที่จีนหดตัว เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่อัตราเพียง 10% ทำให้ไทยถูกเก็บอัตราภาษีนำเข้ารวมที่ 12% (ตารางที่ 1) ในขณะที่ จีนถูกเก็บสูงถึง 32%  

ทั้งนี้ ไมโครเวฟจากจีนส่วนใหญ่เป็นสินค้าราคาประหยัด ซึ่งมีกลุ่มผู้บริโภคที่อ่อนไหวต่อราคาสูง จึงได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้าม ไมโครเวฟจากไทยส่วนใหญ่เป็น รุ่นเฉพาะทางหรือรุ่นเชิงพาณิชย์ ซึ่งจำหน่ายในตลาดระดับกลางถึงพรีเมียม จึงมีความอ่อนไหวต่อราคาต่ำกว่า

หลังวันที่ 1 ส.ค. 2568 สหรัฐฯ เริ่มเรียกเก็บภาษี Reciprocal จากไทยในอัตรา 19% ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้ารวมเพิ่มเป็น 21% ขณะที่จีนได้รับการลดอัตราภาษี IEEPA (fentanyl) เหลือ 10% ทำให้อัตราภาษีนำเข้ารวมของจีนอยู่ที่ 22% ทำให้ราคานำเข้าไมโครเวฟจากไทยปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาของจีนปรับลดลง ส่งผลให้ในช่วงที่เหลือของปี การส่งออกไมโครเวฟจากไทยไปสหรัฐฯ น่าจะมีทิศทางลดลง อย่างไรก็ดี ภาพรวมการส่งออกไมโครเวฟไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2568 คาดว่าจะเติบโต 2.8%

สำหรับปี 2569 ซึ่งเป็นปีแรกที่สหรัฐฯ บังคับใช้ภาษีนำเข้า 21% กับไทยตลอดทั้งปี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มูลค่าการส่งออกไมโครเวฟของไทยไปยังสหรัฐฯ จะหดตัวราว 4% 

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles