ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือนพฤษภาคม 2567 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา จากระดับ 70.46 จุด มาอยู่ที่ระดับ 70.70 เพิ่มขึ้น 0.24 จุด หรือคิดเป็น 0.33% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับขึ้นมานั้น มีสาเหตุมาจาก ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ และแรงซื้อเก็งกำไรตามลำดับ
การคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 พบว่า จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 365 ราย ในจำนวนนี้มี 169 ราย หรือเทียบเป็น 46% คาดว่าจะซื้อทองคำ ส่วนจำนวน 105 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าจะไม่ซื้อทองคำ และจำนวน 91 ราย หรือเทียบเป็น 25% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่
สรุปกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือเทียบเป็น 46% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือนพฤษภาคม 2567 จะเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 31% คาดว่าจะลดลง และจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 23% คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือนเมษายน 2567
สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือนพฤษภาคม 2567 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ ราคาทองคำตลาดโลกให้กรอบเฉลี่ยบริเวณดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 39,100–41,300 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และด้านค่าเงินบาท ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 36.26–37.28 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ การลงทุนทองคำในเดือนพฤษภาคม 2567 นั้น ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่าราคาทองคำในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ระดับ 2,431 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ส่งผลให้แนวโน้มราคาทองคำระยะยาวยังคงเป็นเชิงบวก และทำให้บรรยากาศของการซื้อขายมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการที่ตลาดคาดการณ์นโยบายการปรับลดดอกเบี้ยของ FED และประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมากดดันได้บ้าง หรือแกว่งตัวสร้างฐานราคา ดังนั้น นักลงทุนจึงควรติดตามอย่างใกล้ชิด