สคส. สั่งปรับ 7 ล้านบริษัทเอกชน ปล่อยข้อมูลลูกค้ากว่าแสนรายรั่วไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( สคส. ) หรือ PDPC ได้สั่งปรับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นจำนวน 7 ล้านบาท เนื่องจากได้ปล่อยให้มีการรั่วไหลของข้อมูลจำนวนมาก และข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกส่งผ่านไปแก๊งคอลเซนเตอร์ สร้างความเสียหายให้ประชาชน โดยที่ไม่มีการควบคุมกำกับดูแลแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ปฏิบัติตามพ...ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

พล..ภุชพงศ์ พงษ์ศิริ ประธานกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีประชาชนที่ถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลมากกว่า 100,000 ราย แต่มีผู้ที่มาร้องเรียนจริง 21 ราย โดยบริษัทแห่งนี้ได้กระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2563

ทั้งนี้ สามารถสรุปประเด็นความผิดได้เป็น 3 เรื่อง ดังนี้

1. บริษัทที่ถูกร้องเรียนได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจำนวนมากกว่า 100,000 ราย และใช้ข้อมูลดังกล่าวในการประกอบธุรกิจหลักของบริษัท แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด จึงทำให้เกิดข้อมูลรั่วไหล และบริษัทดังกล่าวไม่สามารถเยียวยา แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ซึ่งเป็นกรณีที่ดำเนินการขัดต่อมาตรา 41 แห่งพ...ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ..2562 สรุปคือแม้บริษัทรู้เรื่องแล้ว แต่ก็ไม่เยียวยาให้ประชาชนที่เดือดร้อน ในประเด็นนี้ลงโทษปรับ 1 ล้านบาท

2. ผู้ถูกร้องเรียนดังกล่าว ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม ตามที่พ...ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ..2562 กำหนด ทำให้ข้อมูลรั่วไหลจากบริษัทดังกล่าวไปยังกลุ่มมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซนเตอร์ และก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง การกระทำดังกล่าวขัดต่อมาตรา 37 (1) แห่งพ...ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ..2562 ในประเด็นนี้ลงโทษปรับ 3 ล้านบาท

3. เมื่อเกิดเหตุข้อขัดข้อง และการร้องเรียนจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจำนวน 21 ราย บริษัทกลับเพิกเฉย ไม่ดำเนินการแก้ไข และแจ้งเหตุให้สคส. ล่าช้า ทำให้ไม่สามารถเยียวยาได้ เป็นความผิดตามมาตรา 37 (4) ...ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ..2562 ในประเด็นนี้ลงโทษปรับ 3 ล้านบาท

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า สคส. ได้ทำการตักเตือน และแจ้งไปยังบริษัทดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทก็ไม่ปฏิบัติตาม จนในที่สุดมีผู้เสียหายจำนวนมาก หลังจากที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญคณะที่ 2 ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลแล้ว เห็นว่ามีองค์ประกอบหลายอย่าง นอกจากไม่ปฎิบัติ ตามพ...แล้ว ยังไม่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือเจ้าหน้าที่ DPO และละเลยในการไม่แจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลให้สคส. รับทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น หลังจากที่ได้แจ้งให้บริษัทดังกล่าวปรับปรุงแล้ว คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญคณะที่ 2 จึงได้พิจารณา และมีคำสั่งลงโทษปรับทางการปกครองบริษัทดังกล่าว ในอัตราสูงสุดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7 ล้านบาท

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ปัจจุบัน ดีอีได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญมาก เพราะนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่แก๊งคอลเซนเตอร์ได้สร้างความเสียหายโดยการนำข้อมูลไปใช้ ซึ่งผลจากการดำเนินในครั้งนี้หวังว่าจะสร้างความตื่นตัวให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ในเรื่องการเคร่งครัด และปฏิบัติตามพ...ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ..2562″ นายประเสริฐ กล่าว

นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ กรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่า เคสนี้เป็นเคสตัวอย่าง ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน หากมีข้อมูลส่วนบุคคลเก็บไว้ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัย และหากหน่วยงานใดมีข้อมูลจำนวนมากเกิน 100,000 ราย และได้นำข้อมูลมาใช้ประกอบกิจการ เช่น Search Engines แท๊กลูกค้า หรือใช้ข้อมูลในการขายสินค้าออนไลน์ หรือภาครัฐใช้ข้อมูลในการให้บริการประชาชน จำเป็นต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ DPO และมาตรการรักษาความปลอดภัย ระวังเรื่องข้อมูลรั่วไหล ซึ่งหากเกิดข้อมูลรั่วไหลต้องแจ้งสคส. ภายใน 72 ชั่วโมง หรือภายใน 15 วัน และถ้าข้อมูลที่รั่วไหลนั้นทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ต้องแจ้งประชาชนด้วย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles