ทริส เรทติ้ง ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า โรงแรมเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาภาคการโรงแรมของประเทศไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาเป็นครั้งแรกในปี 2568 ราคาห้องพักเฉลี่ยหลังจากที่ราคาห้องพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน หรือตั้งแต่ปี 2564-2567 ซึ่งเกือบจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของอัตราเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2564 ภาวะเฟื่องฟูหลังยุคโควิดซึ่งขับเคลื่อนโดยอุปสงค์ที่สะสมและการท่องเที่ยวภายในประเทศที่แข็งแกร่งได้กลับเป็นตรงกันข้าม เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีน ในขณะที่อุปทานโรงแรมยังคงเพิ่มขึ้น
แม้ว่าภาคกลางและภาคใต้ยังคงครองตำแหน่งหลักในแง่ของอัตราห้องพัก แต่การแข่งขันด้านส่วนลดได้ส่งผลทำให้ราคาห้องพักเฉลี่ยลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงแรมระดับบนในกรุงเทพฯ ที่เริ่มพึ่งพาโปรโมชั่นที่ไม่เผยแพร่สู่สาธารณะและการลดราคาแบบเลือกสรรเพื่อรักษาอัตราการเข้าพักในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
อัตราการเข้าพักคาดว่าจะคงที่ พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศในปี 2562 อยู่ที่ 71.4% ลดต่ำมาถึงปี 2564 ที่ 15.1% และกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2566 ที่ 69.3% ในปี 2567 อยู่ที่ 71.5% สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในประเทศไทยถึงระดับสูงสุดภายหลังยุคโควิดในปี 2567 โดยเกินกว่าระดับก่อนยุคโควิด อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนนี้คาดว่าจะไม่ดำเนินต่อไปในปี 2568
เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และความระมัดระวังของผู้บริโภคได้หักล้างการเติบโตของการท่องเที่ยวภายในประเทศลง ดังนั้น เพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและอัตราการเข้า
พักท่ามกลางความท้าทายนานัปการ ผู้ประกอบการจึงเลือกที่จะลดราคาห้องพัก ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราการเข้าพักโดยรวมจะยังคงอยู่ในระดับคงที่หรือลดลงเล็กน้อยในปีนี้
การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวโลกเอื้อประโยชน์ต่อโรงแรมที่มีการดำเนินงานในต่างประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงเกินกว่าระดับก่อนยุคโควิด โดยในไตรมาส 1/2568 มีนักท่องเที่ยวกว่า 300 ล้านคนเดินทางทั่วโลก (+5% เมื่อเทียบปีต่อปี) ในปีนี้ องค์การ
การท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเติบโต 3%-5% เมื่อเทียบปีต่อปี
ในไตรมาส 1/2568 ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งซึ่งนำโดยเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ตัวอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 23% ในขณะที่มองโกเลีย เกาหลีใต้ และลาวก็มีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเช่นกัน ในทาง
กลับกัน ประเทศไทยมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าคู่แข่งในปีนี้ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง