นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เดือนมกราคม – เมษายน 2568 อยู่ที่ 159.27 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/2568 ที่ร้อยละ 3.11 (QoQ) โดยที่น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 และการใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ขณะที่กลุ่มเบนซินลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.03 การใช้ LPG ลดลงร้อยละ 0.8 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการลดลงร้อยละ 1.3 และ NGV ลดลงร้อยละ 15.6
รายละเอียดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดในเดือนมกราคม – เมษายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีดังนี้
การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.84 ล้านลิตร/วัน ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.03 ประกอบด้วยการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงมาอยู่ที่ 6.73 ล้านลิตร/วัน แก๊สโซฮอล์ อี20 ลดลงมาอยู่ที่ 5.17 ล้านลิตร/วัน เบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.39 ล้านลิตร/วัน และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.06 ล้านลิตร/วัน ขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดโดย เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.15 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ 95 มีส่วนต่างราคาสูงกว่าแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 0.37 บาท/ลิตร (ราคาเฉลี่ยเดือนมกราคม-เมษายน 2568) โดยในช่วงเดียวกันของปีก่อนแก๊สโซฮอล์ 95 มีส่วนต่างราคาสูงกว่าแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 1.60 บาท/ลิตร จึงทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้แก๊สโซฮอล์ 95 สูงขึ้นจากปีก่อน อย่างไรก็ดี การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเริ่มเห็นสัญญาณของการชะลอตัวลงโดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า (BEV HEV และ PHEV) มีสัดส่วนร้อยละ 6.11 ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน2 รวมถึงการใช้งานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีการขยายตัวของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องคิดเป็นร้อยละ 4.46 3 เทียบกับปีก่อน
การใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการ เฉลี่ยอยู่ที่ 68.53 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 1.3 ประกอบด้วยดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ลดลงมาอยู่ที่ 68.50 ล้านลิตร/วัน โดยที่การผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศปรับตัวลดลง เป็นผลจากมาตรการภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (reciprocal tariffs) ที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวและการลงทุนภาคเอกชนลดลงอย่างต่อเนื่อง1 ถึงแม้ในช่วงไตรมาสแรกภาคการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจะขยายตัวร้อยละ 0.6 จากไตรมาสก่อน (QoQ) ตามการขยายตัวของการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าเป็นสำคัญ สำหรับดีเซลหมุนเร็ว บี20 ลดลงมาอยู่ที่ 0.03 ล้านลิตร/วัน ขณะที่ดีเซลพื้นฐานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.20 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้ ภาพรวมปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลอยู่ที่ 70.73 ล้านลิตร/วัน
การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 18.78 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งคนไทยและต่างชาติขยายตัวร้อยละ 2.714 รวมไปถึงการขยายตัวของบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสม 4 เดือนแรกของปี 2568 ประมาณ 12 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.26 ซึ่งเป็นการลดลงของนักท่องเที่ยวชาวเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ (โดยเฉพาะจีน) ที่ลดลงร้อยละ 19.975 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากปัจจัยด้านความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจภายในประเทศจากนโยบายการค้าโลก
การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.50 ล้านกก./วัน ลดลงร้อยละ 0.8 ผลจากภาคปิโตรเคมีเป็นสำคัญลดลงมาอยู่ที่ 7.19 ล้านกก./วัน และภาคขนส่งลดลงมาอยู่ที่ 2.31 ล้านกก./วัน ขณะที่การใช้ในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.93 ล้านกก./วัน และภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.07 ล้านกก./วัน
การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 2.47 ล้านกก./วัน ลดลงร้อยละ 15.6 โดยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV สะสมที่ลดลง และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลง อย่างไรก็ตาม ปตท. ยังคงช่วยเหลือผ่านโครงการบัตรสิทธิประโยชน์ ให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ ขณะที่ราคาขายปลีก NGV สำหรับรถทั่วไปปรับเพิ่มขึ้น 0.10 บาท/กก. อยู่ที่ 18.80 บาท/กก. เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,087,233 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม86,398 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 1,058,740 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 84,674 ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 28,493 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 50.9 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 1,724 ล้านบาท/เดือน
การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 153,716 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 0.1 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 13,056 ล้านบาท/เดือน