สถานทูตจีนในไทยปฏิเสธข่าวจีนอยู่เบื้องหลังส่งอาวุธสงครามหนักให้กัมพูชาเปิดศึกปะทะกับไทย สื่อสหรัฐสุดดังเปิดข้อมูลเจาะลึกอาวุธที่กัมพูชาเปิดศึกกับไทยเป็นของจีน ชี้จีนส่งเครื่องบินทหาร 6 ลำพร้อมจรวด กระสุนปืนใหญ่กว่า 700 นัดให้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเปิดฉากปะทะรุนแรง องค์กรอิสระนานาชาติมองบทบาทจีนซับซ้อนซ่อนเงื่อน

สถานทูตจีน ในไทยปฏิเสธข่าวจีนอยู่เบื้องหลังส่งอาวุธสงครามหนักให้กัมพูชาเปิดศึกปะทะกับไทย สื่อสหรัฐสุดดังเปิดข้อมูลเจาะลึกอาวุธที่กัมพูชาเปิดศึกกับไทยเป็นของจีน ชี้จีนส่งเครื่องบินทหาร 6 ลำพร้อมจรวด กระสุนปืนใหญ่กว่า 700 นัดให้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเปิดฉากปะทะรุนแรง องค์กรอิสระนานาชาติมองบทบาทจีนซับซ้อนซ่อนเงื่อน

สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยโพสต์เฟสบุ๊กวันนี้ 2 ตุลาคม 2025 เกี่ยวกับการปฏิเสธข่าวรัฐบาลจีนไม่มีการส่งอาวุธให้ประเทศกัมพูชาใช้เปิดการปะทะต่อสู้กับประเทศไทย มีดังนี้

โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามผู้สื่อข่าว คำถาม: เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานข่าวว่า ประเทศกัมพูชาได้ใช้จรวดที่ผลิตจากจีนในเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา และกล่าวว่า อาวุธของจีนได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของสงครามระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกล่าวหาจุดยืนของจีนโดยอ้อม สถานทูตจีนมีความเห็นอย่างไร

คำตอบ: จีนขอย้ำว่า นับตั้งแต่การเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะเพื่อนบ้านฉันท์มิตรของไทยและกัมพูชา จีนได้พยายามทำงานเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ด้วยวิธีของตนเอง จีนไม่ได้ส่งอุปกรณ์ทางทหารใดๆ ให้กับกัมพูชาเพื่อใช้ในเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา อุปกรณ์ทางทหารจากจีนที่กัมพูชามีอยู่ในปัจจุบัน ล้วนมาจากโครงการความร่วมมือระหว่างจีน-กัมพูชาที่มีอยู่แล้ว

จีนไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวในความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และได้สนับสนุนอาเซียนที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางการเมืองตาม “วิถีอาเซียน” จีนยินดีที่จะสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับไทย กัมพูชา มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการเสริมสร้างการหยุดยิงอย่างยั่งยืนและฟื้นฟูความสงบสุขของบริเวณชายแดน

เราขอเรียกร้องให้บุคคลที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และความผาสุขของประชาชน และทำสิ่งที่เป็นบวกและสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา แทนที่จะเผยแพร่ข่าวเท็จอย่างมีเจตนาเลวร้ายและปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2025 ผ่านมา สำนักข่าวนิวยอร์ก ไทม์ส ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนจัดส่งจรวด และกระสุนปืนใหญ่มายังกัมพูชา โดยเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่รัฐบาลจีนจะเรียกร้องให้กัมพูชาและไทย หยุดยิงในเดือนกรกฎาคม

สื่อดังกล่าว รายงานว่า เครื่องบินทหารจีนลงจอดที่ประเทศกัมพูชาในเดือนมิถุนายน หรือไม่กี่สัปดาห์ก่อนข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยจะปะทุขึ้นรุนแรง เครื่องบินลำนี้ คือ เครื่องบิน Y-20 ซึ่งถูกเรียกว่าหญิงท้วม หรือ Chubby Girls เนื่องจากลำตัวเครื่องบินกว้าง และ สามารถบรรทุกสัมภาระหนักได้ เครื่องบินนี้บินมายังเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งอยู่ตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีทั้งหมด 6 เที่ยวบิน มีการนำจรวด กระสุนปืนใหญ่ และปืนครกมาด้วย ซึ่งเป็นไปตามเอกสารข่าวกรองของไทยที่สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์สได้ตรวจสอบ และเป็นการขนส่งที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อน

เอกสารมีการระบุว่า อาวุธของจีนถูกบรรจุลงในตู้คอนเทนเนอร์ 42 ตู้ และ เก็บไว้ที่ฐานทัพเรือเรียมที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นไม่กี่วันต่อมา กระสุนที่ผลิตในจีน ถูกเคลื่อนย้ายจากฐานทัพไปทางเหนือหลายร้อยไมล์เพื่อไปยังชายแดนประเทศกัมพูชาที่ติดกับประเทศไทย ตามข้อมูลในเอกสารระบุว่าเป็นพื้นที่พิพาทของกัมพูชาและไทย

เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวกรองของไทย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา ไม่ได้ปฏิเสธรายละเอียดพื้นฐานเกี่ยวกับการขนส่งดังกล่าว ตามการเปิดเผยของ Fortify Rights ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชน ระบุว่า จรวดที่กัมพูชาใช้โจมตี 4 จังหวัดของไทย ส่วนใหญ่มาจากจีน เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวว่าในวันแรกนั้น กัมพูชาโจมตีปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล และ บ้านเรือนของพลเรือน ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย

นาธาน รูเซอร์ นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายเชิงกลยุทธ์ออสเตรเลีย กล่าวว่า หลักฐานทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า ผู้นำกัมพูชาได้ตัดสินใจร่วมกันในช่วงหลายเดือน และหลายปี ก่อนเกิดการปะทะที่ชายแดน เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะเดิมตามแนวชายแดน ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสจากกองทัพไทย ยืนยันความถูกต้องของเอกสาร ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวรวบรวมโดยเครือข่ายข่าวกรองจากเหล่าทัพ เจ้าหน้าที่อีก 2 นาย ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ภายในกองทัพ ทั้ง 3 รายขอไม่เปิดเผยชื่อเพื่อหารือเกี่ยวกับเอกสารที่อ้างว่าเป็นความลับ

แถลงการณ์ พล.ท.รัธ ดาราโรธ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ไม่ได้โต้แย้งรายละเอียดการขนส่งอาวุธจากจีนมากัมพูชา แต่ระบุว่า รายงานข่าวกรองของไทยทำให้เข้าใจผิด การเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ที่อ้างถึงในเอกสารสอดคล้องโดยตรงกับการซ้อมรบร่วมประจำปีของกัมพูชากับกองทัพจีน แต่การฝึกซ้อมดังกล่าว ได้สิ้นสุดลงก่อนหน้านั้นหลายสัปดาห์ คือ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ขณะที่กระทรวงกลาโหมจีนไม่แสดงความเห็นใดๆ

การเตรียมการและการส่งกำลังบำรุงของกัมพูชา อาจทำให้กัมพูชา สามารถยืดเวลาการสู้รบออกไปได้ แต่ไทยสามารถยืนยันความได้เปรียบของตนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยคลังอาวุธที่ทันสมัยกว่ามาก กองกำลังไทยตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศโดยเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่ทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายในกัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงในอีก 5 วันต่อมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน รวมถึงพลเรือนทั้งสองฝ่าย และมีผู้พลัดถิ่นอีกหลายแสนคน

ถึงแม้ว่าจีนจะมีบทบาทสำคัญในการพยายามยุติการหยุดยิง แต่รายงานการจัดส่งอาวุธกลับทำให้ความพยายามของปักกิ่งในการแสดงตนเป็นผู้เจรจาสันติภาพที่เป็นกลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับมีความซับซ้อนมากขึ้น แม้ว่างบประมาณทางการทหารของกัมพูชาจะน้อยกว่าไทยเล็กน้อย แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ละประเทศได้เพิ่มงบประมาณอย่างมาก และหันไปพึ่งการจัดหาอาวุธจากจีน ปัจจุบันจีนนำสหรัฐในฐานะแหล่งผลิตอาวุธใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญากับสหรัฐมายาวนาน

เจ้าหน้าที่จีนได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาในสื่อไทยเกี่ยวกับการขนส่งอาวุธให้กัมพูชาเพื่อต่อต้านไทย เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของจีนได้เข้าพบกับรักษาการผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมของไทยในกรุงปักกิ่ง เจ้าหน้าที่จีน ระบุว่าจีนไม่ได้จัดหายุทโธปกรณ์ใดๆ ให้แก่กัมพูชา นับแต่ความตึงเครียดระหว่างกัมพูชาและไทยเริ่มขึ้น

รายงานข่าวกรองทางทหารของไทย พบว่า ระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน จีนได้ส่งกระสุด 700 นัด สำหรับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ของสหภาพโซเวียต รวมถึงระบบยิงจรวดหลายลำกล้องที่ผลิตในจีน ได้แก่ Type 90B และ PHL-03 นอกจากนี้ จีนยังส่งกระสุนปืนใหญ่สำหรับปืนใหญ่อัตตาจร SH-1 ของจีน และปืนใหญ่สำหรับปืนกลต่อสู้อากาศยานของสหภาพโซเวียตอีกด้วย เอกสารระบุว่า ในอีก 2 วันต่อมา กัมพูชาได้เคลื่อนย้ายกระสุนไปยัง 2 จังหวัดชายแดน คือ อุดรมีชัย และ พระวิหาร

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การส่งมอบชุดใหญ่เช่นนี้ จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้นำระดับสูงของจีนเสียก่อน นายแอนโทนี เดวิส นักวิเคราะห์จากเจนส์ Janes เป็นสิ่งพิมพ์ด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง ซึ่งประจำอยู่ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า การส่งกำลังบำรุงอย่างรวดเร็วในระดับนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องปกติ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมานั้น กัมพูชาจะพยายามเสริมกำลัง นายรูเซอร์ นักวิเคราะห์ออสเตรเลีย กล่าวว่า กัมพูชาได้สร้างฐานทัพทางตะวันออกของปราสาทพระวิหาร ทำให้มีมุมมองที่ดีกว่าในการรบข้ามแดน โครงสร้างใหม่นี้ อาจใช้เป็นฐานปืนใหญ่ได้ นับตั้งแต่ปลายปี 2565 กัมพูชายังได้สร้างถนน และ โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ซึ่ง เป็นความพยายามร่วมกันในการสร้างกำลังทหารในพื้นที่ชายแดนบางส่วน

ขณะที่ ฮังยู ลี นักวิจัยจาก Armed Conflict Location & Event Data ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ติดตามความขัดแย้งระดับโลก กล่าวว่า เป็นที่แน่ชัดว่า การเสริมกำลังทางทหารของกัมพูชา มีความกระตือรือร้นมากกว่าไทยอย่างมาก หากเทียบกับกัมพูชา ส่วนใหญ่ไทยจะเป็นฝ่ายรับและตอบโต้ กองทัพบกไทยได้เสริมกำลังฐานทัพที่มีอยู่เดิม สร้างเส้นทางส่งกำลังบำรุง ติดตั้งปืนใหญ่ และยานเกราะ และเพิ่มการเฝ้าระวังเพื่อให้ทันต่อกิจกรรมของกัมพูชา

นักวิเคราะห์บางคน เสนอว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากจีนมาหลายปี ฮุนเซน มั่นใจว่า กัมพูชาจะมีสถานะที่แข็งแกร่งกว่าในการปะทะในอดีต นายราห์มาน ยาคอบ นักวิจัยด้านนโยบายกลาโหม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ง มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย เผยว่า ระหว่างการปะทะครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดกับไทยเมื่อปี 2554 กัมพูชา ขาดแคลนอาวุธอย่างรวดเร็ว ผลักให้พนมเปญกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับจีนให้แน่นแฟ้นขึ้น

นับแต่นั้นมา จีนกลายเป็นผู้สนับสนุนทางทหารหลักของกัมพูชา ทั้ง 2 ชาติ จัดซ้อมรบประจำปีร่วมกันอย่างสม่ำเสมอตลอด 9 ปี ยกเว้นช่วงโควิด ปี 2561 ที่ผ่านมา จีนให้ความช่วยเหลือกัมพูชามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์ระบุว่าปัจจุบันอาวุธของจีนเป็นส่วนใหญ่ของคลังอาวุธของกัมพูชา นายราห์มาน กล่าวว่า รู้สึกว่ามีอุปกรณ์ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับปี 2554 นั่นคือเหตุผลที่ความขัดแย้งนี้ค่อนข้างรุนแรง เพราะมีการใช้อาวุธหนักแทนการใช้ปืนไรเฟิล และปืนเล็ก จากภาพถ่ายสนามรบที่โพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นทหารกัมพูชา กำลังใช้จรวดปืนใหญ่ HE-40 ขนาด 122 มิลลิเมตรที่ผลิตในจีน ซึ่งใช้กับระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง

นายปีเตอร์ บูคคาร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งจากโฟร์ตี้ฟาย ไรท์ Fortify Rights กล่าวว่า ทุกอย่างที่เห็นในเครื่องยิงจรวดล้วนเป็นจรวดจีน จีนควรพิจารณาสิ่งที่กองทัพกัมพูชาทำในช่วงความขัดแย้งนี้ และแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้อาวุธอย่างไม่เลือกหน้า จีนไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้นเลย เมื่อจัดหาอาวุธที่ใช้สังหารพลเรือนในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles