นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ. ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในเดือน มี.ค.67 พบว่า ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. สาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในปี 2567 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 103.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งเศรษฐกิจของจีนส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ภายหลังสำนักสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.พ.67 ปรับเพิ่มขึ้น 0.7% และถือเป็นขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
โดยภาพรวมราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลในอาเซียนในเดือนมีนาคมที่ผ่านนั้น พบว่า ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกประเทศ ยกเว้นประเทศลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนามที่ปรับตัวลดลง
นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่น่าจับตามองในด้านต่าง ๆ อาทิ ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบของจีน แม้ว่าจีนได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 67 ที่ประมาณ 5.0% แต่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการตั้งเป้าหมายที่เกินจริง หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ แม้ว่าการน้าเข้าน้ำมันดิบของจีนจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกของปีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 รวมทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงน่ากังวล ภายหลังการเจรจาหยุดยิงชั่วคราวระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากอิสราเอลยังคงยืนยันที่จะไม่เข้าร่วมในการเจรจาท่ามกลางเทศกาลรอมฏอน ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.67
สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลของประเทศไทยและต่างประเทศ ณ วันที่ 25 มี.ค.67 พบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน ประเทศสิงคโปร์มีระดับสูงสุดในกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 78 บาทต่อลิตร ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 5 ของกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 38.65 บาทต่อลิตร
ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลนั้น ประเทศสิงคโปร์ มีระดับสูงสุดในกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 72.87 บาทต่อลิตร ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 8 ของกลุ่มอาเซียน อยู่ที่ระดับ 29.94 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้าง มาตรการด้านภาษี และนโยบายการชดเชยราคาน้ำมันของประเทศนั้น อย่างไรก็ตาม สนพ. จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อสามารถดำเนินการบรรเทาผลกระทบด้านราคาพลังงานต่อประชาชนในระยะต่อไป