สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดประชุมการระดมความคิดเห็นผลการศึกษาสถานการณ์และบทบาทภาครัฐในการถือครองที่ดินเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นำเสนอโดยนายมนตรี ภูศรีโสม และนางสาวณัฐวรรณ ชูเฉลิม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ กองพัฒนาข้อมูลและตัวชี้วัดสังคม จากการศึกษาเฉพาะการถือครองโฉนดที่ดิน น.ส. 3 ก. และ น.ส. 3 ทั้งที่ถือโดยบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งครอบคลุมขนาดพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมดในประเทศไทย ผลการศึกษา พบว่าความไม่เสมอภาคของการถือครองโฉนดที่ดินมีความเหลื่อมล้ำสูงสุด อันดับสอง น.ส. 3 ก. และอันดับสาม น.ส. 3 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก และหากเทียบกับความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในปี 2566 พบว่าสูงกว่าเกือบสองเท่า
ขณะที่ หากพิจารณาจากขนาดของที่ดินของกลุ่มที่ถือครองมากที่สุด ปรากฎว่ามีส่วนแบ่งการถือครองที่ดินสูงกว่ากลุ่มถือครองน้อยที่สุด แตกต่างกันอยู่ที่ 710 เท่า และหากพิจารณาจากมูลค่าการถือครองที่ดินกลุ่มที่ถือครองมากที่สุด สูงกว่ากลุ่มถือครองน้อยที่สุดมากที่ 348 เท่า
ทั้งนี้ กลุ่ม Top 1% มีส่วนแบ่งการถือครองที่ดินที่วัดจากขนาดที่ดินสูงถึง 16.78% ของโฉนดที่ดินทั้งหมดในประเทศไทย และมีส่วนแบ่งการถือครองที่ดินวัดจากมูลค่าสูงถึง 34.91% หากวิเคราะห์ในเชิงพื้นที่ ปริมณฑลและภาคตะวันออกมีความเหลื่อมล้ำการถือครองโฉนดที่ดินสูงสุด ส่วนเอกสารสิทธิประเภท น.ส. 3 ก. และ น.ส. 3 ภาคตะวันตกและภาคกลางมีความเหลื่อมล้ำสูงสุด ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังพบว่านิติบุคคลมีการกระจุกตัวของการถือครองมากกว่าบุคคลธรรมดาทั้งด้านขนาดพื้นที่และมูลค่า โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เช่น ภูเก็ต สมุทรปราการ ชลบุรี
สำหรับข้อค้นพบสำคัญ พบว่า (1) การลงทุนข้ามถิ่น คนกรุงเทพฯ เข้าไปถือครองที่ดินในจังหวัดอื่น ๆ (ไม่รวม กรุงเทพฯ) สูงถึง 5% ของพื้นที่ประเทศไทย และจังหวัดที่คนนิยมไปลงทุนซื้อที่ดิน 3 จังหวัดแรก ได้แก่ ปทุมธานี นครนายก และสมุทรปราการ
(2) คนกลุ่ม Top 1% ถือครองที่ดินค่อนข้างสูง โดยมีที่ดินเฉพาะโฉนดที่ดินเฉลี่ย 81 ไร่ต่อคน และมูลค่าเฉลี่ย 35 ล้านบาทต่อคน และ (3) รูปแบบการถือครองที่ดินของคนกลุ่ม Top 1% มักถือครองที่ดินในจังหวัดที่อยู่ติดกับจังหวัดที่ตนเองอาศัยอยู่เป็นหลัก และจะลดจำนวนลงเมื่อที่ดินอยู่ห่างจากจังหวัดที่ตนเองอาศัย ยกเว้นในพื้นที่เศรษฐกิจหรือเมืองใหญ่บางแห่งที่คน Top1% มักไปซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อสะสมทุน
ทั้งนี้ น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการ สศช. เปิดเผยว่า สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดิน ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และนำไปสู่การเกิดความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรและเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน