สภาพัฒน์ชี้ประเทศไทยจากปี 66 ถึงปี 67 ปีเดียวมีคนไทยยากจนพุ่ง 1.04 ล้านคน ครัวเรือนยากจนพุ่งทะยานกว่า 50% เพิ่มเกือบ 7 แสนครัว คนไทยยากจนมีรายจ่ายต่ำกว่าเส้นรายได้ยากจนอีก

สภาพัฒน์ ชี้ประเทศไทยจากปี 66 ถึงปี 67 ปีเดียวมีคนไทยยากจนพุ่ง 1.04 ล้านคน ครัวเรือนยากจนพุ่งทะยานกว่า 50% เพิ่มเกือบ 7 แสนครัว คนไทยยากจนมีรายจ่ายต่ำกว่าเส้นรายได้ยากจนอีก

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยรายงานสถานการณ์ความยากจน และความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย ปี 2567 พบว่าปี 2567 จำนวนคนไทยยากจนเพิ่มขึ้นเป็น 3.43 ล้านคน หรือคิดเป็น 4.89% ของประชากรทั้งประเทศ และเพิ่มขึ้นจากปี 2566 จากที่มีสัดส่วนคนยากจนที่ 3.41% ของประชากรทั้งประเทศ หรือเพิ่มขึ้น 1.04 ล้านคน จากปี 2566 ที่มีจำนวน 2.39 ล้านคน สำหรับตัวชี้วัด ได้แก่ เส้นความยากจนในไทยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3,078 บาทต่อคนต่อเดือน ที่สำคัญ คนไทยยากจนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นแรงงานในภาคเกษตร ซึ่งคิดเป็นมากถึง 45.49% นั่นหมายถึงความเปราะบางของภาคส่วนนี้ โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจภาคเกษตรเผชิญกับภาวะชะลอตัว

หากพิจารณาในระดับครัวเรือน พบว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีครัวเรือนยากจนประมาณ 1.03 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 3.68% ของครัวเรือนทั้งหมดในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณ 6.86 แสนครัวเรือนในปี 2566 นั่นหมายถึงเพิ่มสูงมากถึง 50.14% ภายในปีเดียว นอกจากนี้ ในพื้นที่นอกเขตเทศบาลมีสัดส่วนครัวเรือนยากจนสูงกว่าในพื้นที่เขตเทศบาลถึง 1.79 เท่า ในด้านระดับกลุ่มคนไทยยากจน พบว่าจำนวนคนจนในทุกระดับเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 กลุ่มคนจนมาก หรือกลุ่มที่เผชิญกับความยากจนขั้นรุนแรง เพิ่มขึ้นจาก 6.28 แสนคน หรือ 0.9% ของประชากรทั้งหมดในปี 2566 มาเป็น 8.79 แสนคน หรือ 1.25% ในปี 2567 

กลุ่มคนจนน้อย เพิ่มขึ้นจาก 1.76 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 2.52% ของประชากรในปี 2566 มาเป็น 2.55 ล้านคน หรือคิดเป็น 3.64% ในปี 2567 และกลุ่มคนเกือบจน หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะตกอยู่ใน ภาวะยากจน เพิ่มขึ้นจาก 3.97 ล้านคน หรือ 5.67% ในปี 2566 มาเป็น 4.29 ล้านคน หรือ 6.10% ในปี 2567

สำหรับช่องว่างความยากจนและระดับความรุนแรงของปัญหาความยากจนในปี 2567 เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 สะท้อนจากช่องว่างความยากจนที่เพิ่มขึ้นจาก 0.39 ในปี 2566 เป็น 0.68 ในปี 2567 นั่นหมายถึง คนจนในปี 2567 มีรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคต่ำกว่าเส้นความยากจนมากกว่าปี 2566 ผ่านมา ในขณะที่ระดับความรุนแรงของปัญหาความยากจน ซึ่งสะท้อนถึงความยากลำบากในการดำรงชีพของคนจน ก็เพิ่มขึ้นจาก 0.08 เป็น 0.15 ในช่วงเวลาเดียวกัน

สถานการณ์ดังกล่าวนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างระบบการดูแลกลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมทุกระดับของความยากจน ท่ามกลางปัจจัยเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพากลุ่มคนเปราะบางต่อความยากจนมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นในทุกระดับความรุนแรง กลุ่มคนจนมากซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีระดับรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคนั้นต่ำกว่าเส้นความยากจนเกินกว่า 20%

ทั้งนี้ ภาพรวมระยะยาวจะพบว่าแนวโน้มความยากจนของประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเพิ่มขึ้นและลดลงในระยะสั้นสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะที่ประชาชนสามารถเปลี่ยนสถานะระหว่างจน และไม่จน ได้ตามปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งภาวะเศรษฐกิจโดยรวม การเข้าไม่ถึงสวัสดิการของรัฐ รวมทั้งเหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น ภัยธรรมชาติ หรือความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร ดังนั้น แม้การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนจน ในปีนี้อาจเป็นเพียงภาวะชั่วคราวในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles