สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนผู้ใช้บริการขอกู้ยืมเงินที่ไม่ต้องฝากโทรศัพท์ของส่วนตัวไว้กับผู้ให้บริการการเงินในลักษณะการจำนำทั่วไป แต่ให้ยืนยันตัวตนด้วยการแสดงบัตรประจำตัวประชาชน และนำบัญชีเก็บข้อมูลใช้งานส่วนตัวในระบบไอคลาวด์ (iCloud)บนอุปกรณ์สื่อสารมาเข้าระบบไว้ในเครื่องเพื่อเป็นการค้ำประกันแทน
การกระทำแบบนี้ จะทำให้ผู้ให้บริการการเงินสามารถเข้าถึงการใช้งานของเครื่อง หรืออุปกรณ์สื่อสารที่นำมาจำนำ นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งรหัสล็อกเครื่องได้ในกรณีเบี้ยวจ่ายค่างวด และยังเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลผ่านบัญชี iCloud ที่ลงชื่อเข้าใช้ไว้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้รู้ข้อมูลสำคัญของเจ้าของเครื่อง เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง รูปภาพ คลิปวิดีโอ หมายเลขโทรศัพท์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่มีการบันทึกไว้
สิ่งที่น่ากังวลอย่างมาก คือ ผู้ให้บริการการเงิน หรือเจ้าหนี้สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิด ด้วยการหลอกลวง เอาเปรียบ หรือหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี iCloud ของผู้ให้บริการก่อน แต่กลับไม่ยอมให้เงินกู้ตามที่ผู้กู้ต้องการ หรือกรณีลูกหนี้จ่ายคืนเงินครบแล้ว กลับพบว่ามีการล็อกเครื่องต่อไป เพื่อเรียกค่าไถ่ในการปลดล็อก
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการในลักษณะนี้ยังเสี่ยงต้องจ่ายดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยคิดจากบริการจำนำข้อมูลส่วนตัวบนระบบไอคลาวด์ iCloud จะคิดอยู่ที่ 7-25% ต่อเดือน หรือปีละราว 84% – 300% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยการทำสัญญาเงินกู้โดยทั่วไปตามกฎหมายที่ระบุไว้ที่ 7.5-15% ต่อปี หรือ 1.25% ต่อเดือน