สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เกี่ยวกับการแจ้งเปิด และการแจ้งปิดกิจการโรงงานอุตสาหกรรม พบว่าระหว่างมกราคมถึงกรกฎาคม หรือช่วง 7 เดือนของปี 2567 ปรากฏว่าโรงงานในประเทศไทยแจ้งเลิกกิจการจำนวน 757 โรงงาน เพิ่มขึ้น 182 โรงงาน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 575 โรงงาน หรืดปิดโรงงานเพิ่มขึ้น +31.7%
สำหรับมูลค่าเงินลงทุนของโรงงานที่แจ้งเลิกกิจการ พบว่า มูลค่าเงินทุนรวมจำนวน 20,716 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 55.7% นั่นหมายถึงโรงงานที่แจ้งเลิกกิจการเป็นโรงงานขนาดเล็กที่มีเงินลงทุนรวมกันไม่สูงมาก อย่างไรก็ตาม การจ้างงานของโรงงานที่ปิดตัวลงรวมจำนวนทั้งสิ้น 22,708 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 66.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านโรงงานในประเทศไทยที่แจ้งเปิดกิจการใหม่ในช่วงเวลาเดียวกัน คือ 7 เดือนของปีนี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ทั้งจำนวนและมูลค่าเงินลงทุน ประกอบด้วยโรงงานแจ้งเปิดกิจการจำนวน 1,195 โรงงาน เพิ่มขึ้น 246 โรงงาน เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ซึ่งมีจำนวน 949 โรงงาน หรือเพิ่มขึ้น +25.9% มูลค่าเงินลงทุนโรงงานเปิดใหม่รวม 188,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114,745 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งที่ 73,763 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 155.6% ขณะที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 79.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
ทั้งนี้ สภาพัฒน์เปิดเผยว่าแม้โรงงานเปิดใหม่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การปิดโรงงานก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะการปิดตัวเพิ่มขึ้นของโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีภูมิคุ้มกันที่ไม่สูงนักในการเผชิญหน้ากับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ ด้วยเงื่อนไขดังกล่าว ภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีมาตรการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการไทยกลุ่มนี้