นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงข้อเสนอของภาคเอกชนที่เสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เข้ามาช่วยภาคเศรษฐกิจโดยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงว่าในขณะนี้ถือว่าเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในภาวะที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่รัฐบาลมีการเร่งรัดมาตรการทางเศรษฐกิจทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณ และเร่งรัดการลงทุนอยู่ความจำเป็นในการใช้นโยบายการเงินจึงยังไม่มากนัก
ทั้งนี้ในการพิจารณาของ กนง. เชื่อว่าดูข้อมูลทางเศรษฐกิจหลายส่วน รวมทั้งพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจในระยะต่อไป รวมทั้งปัจจัยเศรษฐกิจและนโยบายของสหรัฐภายหลังการเข้ามาดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย ซึ่งในขณะนี้ทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐนั้นมีการปรับขึ้นจากนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้า และผลักดันแรงงานอพยพออกนอกประเทศ จึงมีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้แทนที่จะลด แล้วหากของไทยเรามีการลดดอกเบี้ยลงก่อน สวนทางกับที่สหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจส่งผลต่อค่าเงินบาทที่จะอ่อนค่าลงได้เนื่องจากผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน โดยหากค่าเงินบาทอ่อนลงมาก แม้จะมีผลดีกับการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่ปัจจัยเรื่องของการนำเข้าโดยเฉพาะการนำเข้าพลังงานจะกระทบต่อไทย
ส่วนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 รัฐบาลมีวงเงินที่เตรียมไว้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าจะลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้ภายในครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนในครึ่งหลังของปีงบประมาณได้เสนอให้รัฐบาลทำโครงการลงทุนในแหล่งน้ำขนาดเล็ก กระจายการลงทุนไปทั่วประเทศ คาดจะทำให้มีดีมานต์การใช้รถกระบะมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยให้เกิดการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะรถกระบะที่ผู้รับเหมาจะมีการซื้อรถมากขึ้นช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีการฟื้นตัวได้ด้วย
ทั้งนี้อาจจะต้องใช้งบกลางรายการสำรองจ่ายฉุกเฉิน และกรณีจำเป็นเร่งด่วน แต่ในส่วนนี้ต้องหารือกับสำนักงบประมาณและภาคส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ของแหล่งเงินที่จะนำมาใช้