นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย กล่าวว่า ทุนจีนเข้ามาจดทะเบียนเปิดบริษัทเอง ซื้อรถใหม่เองทั้งหมด ซึ่งคงเป็นรูปแบบนอมินีที่มีคนไทยร่วมลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด แต่ไม่มีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างแท้จริง และเป็นการซื้อรถตู้ รถตู้วีไอพี ไม่ใช่รถบัสขนาดใหญ่ เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนคือเที่ยวเองแบบ FIT และเที่ยวกรุ๊ปเล็ก ไม่เข้าพักตามโรงแรมทั่วไป แต่ไปพักวิลล่าส่วนตัว คอนโด อพาร์ตเมนท์ให้เช่า หรือที่แอบเปิดรายวัน
แม้กระทั่งแหล่งท่องเที่ยวบางส่วนเป็นของทุนจีนเอง ซึ่งจะทำเป็น package ตั้งแต่รับจากสนามบิน รับประทานอาหาร ขนส่ง ที่พัก ทำให้เม็ดเงินกระจายสู่คนไทยน้อยมาก อีกทั้งโอนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันสัญชาติจีนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ไทยเสียสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในจุดนี้ด้วย
จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบแอปพลิเคชันดังกล่าว พร้อมกับทบทวนระยะเวลาพำนักการให้วีซ่าฟรีแก่จีน เพราะมองว่าระยะเวลาที่นานถึง 6 เดือน กลับเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มอื่นที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวตัวจริงมากกว่า เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวนั้นเฉลี่ยจะเที่ยวนาน 2 สัปดาห์ หรือมากสุดก็ 3 สัปดาห์เท่านั้น หากยังไม่แก้ไข ไทยจะสูญเสียรายได้มหาศาล และไม่เป็นไปตามเป้ารายได้ท่องเที่ยวที่วางไว้แน่นอน แม้ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจะถึงเป้าหมายก็ตาม ยังมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการรายย่อยจะล้มหายตายจากในหนึ่งถึงสองปีนี้อีกมาก
นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ประกอบการรถทัวร์ขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว หลังโควิดกลับมาวิ่งงานได้ประมาณ 15,000 คัน จากช่วงก่อนโควิดที่มีอยู่ในระบบกว่า 40,000 กว่าคัน อย่างไรก็ตามใน 15,000 คันกลับมาวิ่งได้นั้นก็ไม่ได้มีงานถี่เช่นเดิม เนื่องจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป และการถูกแย่งอาชีพ ในขณะที่ผู้ประกอบการขาดเงินทุนในการปรับตัว