องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ภาคพื้นยุโรป เปิดเผยว่า พบผู้ติดโรคเคลด(Clade) หรือชื่อเดิมคือโรคฝีดาษลิง(Mpox) จำนวน 1 รายในประเทศสวีเดน ซึ่งตรวจสอบประวัติการเดินทางพบว่ากลับมาจากทวีปแอฟริกาที่ในขณะนี้กำลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโรคเคลด(Clade) หรือชื่อเดิมคือโรคฝีดาษลิง(Mpox)ในไม่ต่ำกว่า 5 ประเทศ โดยประเทศสาธารณรัฐแห่งคองโกเป็นศูนย์กลางการระบาดในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวมีผลตรวจเป็นบวก และติดเชื้อสายพันธุ์เคลดวันบี (Clade Ib) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในแอฟริกา ขณะนี้ได้นำตัวผู้ป่วยคนดังกล่าวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของสวีเดน
นายลอว์เรนซ์ กอสติน ผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุข และศาศตราจารย์แห่งสถาบันจอร์จทาวน์ ลอว์ วอชิงตัน เปิดเผยว่า การตรวจพบผู้ป่วยโรคเคลด หรือฝีดาษลิงรายแรกในประเทศสวีเดน อาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคนี้ในระดับนานาชาติอย่างรวดเร็ว ด้านนายแพทย์ไบรอัน เฟอร์กูสัน มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (Cambridge) กล่าวว่า การพบผู้ป่วยโรคดังกล่าวซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวสวีเดนนั้น กลายเป็นเรื่องน่ากังวล แต่อาจจะไม่ประหลาดใจเนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเคลดกำลังรุนแรงในทวีปแอฟริกา นั่นหมายถึงจะตรวจเจอผู้ป่วยจำนวนมากมายขึ้นในสวีเดน และในหลายพื้นที่ของโลก เนื่องจากยังไม่มีมาตรการในการยั้บยั้ง หรือสกัดกั้นการติดเชื้อดังกล่าวของโรคฝีดาษลิง หรือโรคเคลด
นายเดวิด ไดเกิล โฆษกศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา หรือซีดีซี (CDC) เปิดเผยว่า การตรวจพบผู้ป่วยโรคเคลดคนแรกในประเทศสวีเดน เป็นการยืนยันได้ว่า เป็นกรณีแรกของการพบเชื้อสายพันธุ์เคลดวันที่อยู่นอกทวีปแอฟริกา สำหรับสายพันธุ์เคลดวัน (Clade I) นั้น ซีดีซี เปิดเผยว่า มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อระดับรุนแรงมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ที่สำคัญ มีอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อดังกล่าวสูงเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เคลดทู (Clade II) ขณะที่ซีดีซี สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์ของโรคเคลดอย่างใกล้ชิด จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานตรวจพบผู้ป่วยในสหรัฐและแคนาดาแต่อย่างใด
สำหรับการตรวจพบผู้ป่วยรายดังกล่าวในประเทศสวีเดนเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากเมื่อวานนี้ 15 สิงหาคม 2024 นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวว่า การประชุมของคณะกรรมาธิการฉุกเฉินมีมติให้ประกาศว่า โรคเคลด(Clade) หรือชื่อเดิมคือโรคฝีดาษลิง(Mpox) เข้าสู่ภาวะสาธารณสุขฉุกเฉินทั่วโลก หรือพีเอชอีไอซี (Public Health Emergency for International Concern) สาเหตุจากภาวะการระบาดของโรคเคลดแพร่เป็นวงกว้างในประเทศสาธารณรัฐแห่งคองโก และยังส่งผลให้เกิดการติดเชื้อและระบาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศที่อยู่ในทวีปแอฟริกา ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันและใช้รักษาโรคเคลด
ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคเคลดในประเทศคองโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดในปัจจุบันนี้ พบว่า การระบาดเริ่มนับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา พบผู้ป่วยมากกว่า 27,000 ราย และมีผู้ป่วยโรคดังกล่าวเสียชีวิตมากถึง 1,100 คน หรือคิดเป็น 4% ของผู้ป่วยทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเป็นเด็ก
ในขณะนี้องค์การอนามัยโลกยืนยันว่าโรคระบาดเครเป็นการติดต่อโดยการสัมผัสใกล้ชิด ตามปกติแล้วจะมีภาวะอาการปานกลางแต่การติดเชื้อรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิต ลักษณะอาการเบื้องต้นของผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการเป็นไข้และเกิดตุ่มมีหนองตามผิวหนังร่างกายรวมถึงบริเวณอวัยวะเพศสืบพันธุ์ ในปัจจุบันรูปเคลด ในทวีปแอฟริกาเป็นสายพันธุ์เคลดวัน (Clade I) แต่ในขณะเดียวกันตรวจพบมีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เคลดวันบี (Clade Ib) ส่งผลให้มีการติดเชื้อแพร่ระบาดง่ายยิ่งขึ้นผ่านการสัมผัสใกล้ชิดรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างกัน
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวว่า แหล่งที่พบการติดเชื้อและแพร่ระบาดในทวีปแอฟริกาเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศสาธารณรัฐแห่งคองโก จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง ได้แก่ บูรันดี เคนยา ราวันดา และอูกานคา ที่สำคัญคือทั้ง 4 ประเทศดังกล่าวนั้น ไม่มีข้อมูลหรือประวัติของการตรวจพบโรคเคลดก่อนหน้านี้เลย
ทั้งนี้ ในปี 2022 องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เคยประกาศโรคเคลด(Clade) หรือชื่อเดิมคือโรคฝีดาษลิง(Mpox) เข้าสู่ภาวะสาธารณสุขฉุกเฉิน หรือพีเอชอีไอซี (Public Health Emergency for International Concern) ซึ่งในปีดังกล่าวเป็นการระบาดด้วยสายพันธุ์เคลดทู (Clade II) ซึ่งนำไปสู่การตรวจพบผู้ป่วยเป็นจำนวนมากกว่า 95,000 คนกระจายใน 115 ประเทศที่ไม่ใช่แหล่งกำเนิดของเชื้อดังกล่าว