สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ส.ค. 68 หดตัว 4.19% รับผลกระทบเงินบาทแข็งค่า ยอดผลิตรถยนต์วูบลง

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 92.13 หดตัวร้อยละ 4.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 57.19 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกระแสเงินทุนไหลเข้าและทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าส่งออกของไทยสูงขึ้นในตลาดโลก กระทบความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาของสินค้าส่งออกเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีราคาใกล้เคียงกัน รวมถึงมีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ หยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามแผนประจำปี และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่หยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปติดตั้งใหม่ที่โรงงานอีกแห่งภายในประเทศ ขณะที่ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศชะลอตัว ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารแช่แข็ง ไส้กรอก กระเป๋าเดินทาง รองเท้ากีฬา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ด้านระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนกันยายน 2568 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยภายในประเทศโดยรวมส่งสัญญาณปกติ จากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ด้านดัชนีการลงทุนภาคเอกชนของไทย ส่งสัญญาณเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น ดัชนีปริมาณสินค้านำเข้า ส่งสัญญาณปกติ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและดัชนีราคาส่งออก ส่งสัญญาณขยายตัว ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศภาพรวมส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง จากภาคการผลิตที่ยังคงซบเซา และคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม จากการส่งออกสินค้าทุนและสินค้าเกษตรที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ส่งสัญญาณเฝ้าระวังลดลง

สำหรับในปี 2568 สศอ.ได้เดินหน้ายกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ด้านยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยการจัดทำแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม และนำผล ที่ได้ไปเป็นแนวทางในการจัดทำแผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต จัดทำมาตรการ HEV/MHEV การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลโดยการเตรียมความพร้อมการจัดตั้งศูนย์ฮาลาล และการเชื่อมโยงความร่วมมือกับประเทศที่สำคัญหลายประเทศ เช่น โมร็อกโก ตุรกี คาซัคสถาน อินโดนีเซีย จีน และโอมาน การรักษาความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมเหล็ก โดยการประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมห้ามตั้งหรือขยายโรงงานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต รวมถึงการศึกษาการใช้มาตรการฯ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ และส่งเสริมนโยบาย Green Steel รวมถึงการผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นต้น

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนสิงหาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22.74 จากเหล็กแผ่นรีดร้อน ท่อเหล็กกล้า และเหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นหลัก จากฐานต่ำในปีก่อนของผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนที่มีผู้ผลิตบางรายหยุดซ่อมบำรุง สำหรับท่อเหล็กกล้า ผู้ผลิตขยายตลาดในประเทศและหาลูกค้าใหม่ ส่วนเหล็กเส้นข้ออ้อย ตลาดขยายตัวมากกว่าปีก่อนที่คำสั่งซื้อมีอย่างจำกัด

คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.14 จาก Hard Disk Drive เป็นหลัก ตามการขยายตัวของระบบ AI ระบบคลาวด์ และ Data Center

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.42 จาก PCBA และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เป็นหลัก

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนสิงหาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.98 จากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันเบนซิน 95 เป็นหลัก จากผู้ผลิตบางรายหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่

ยานยนต์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.09 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1,800 ซีซี รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ เป็นหลัก

เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำแร่และน้ำดื่มบรรจุขวดประเภทอื่นๆ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.58

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles