นายจอห์น เค. เฮอร์ลีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ด้านการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน เปิดเผยว่า สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) กระทรวงการคลัง สหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่กับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ได้แก่ เมียนมา และกัมพูชา
มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้มีผลให้ทรัพย์สินทั้งหมดของบุคคล และบริษัทที่ถูกระบุทั้งหมดถูกอายัดในสหรัฐอเมริกา โดยห้ามบุคคล และนิติบุคคลอเมริกันทำธุรกรรมกับบุคคลและนิติบุคคลเหล่านี้ ขณะที่บริษัทใดก็ตามที่บุคคลเหล่านี้ถือหุ้นเกิน 50% จะถูกปิดกั้นอัตโนมัติ มาตรการคว่ำบาตรมีจุดประสงค์ไม่ใช่เพียงการลงโทษ แต่เพื่อสร้างแรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาว
เนื่องจากเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน สร้างความเสียหายด้านการเงินมหาศาลให้กับประชาชนอเมริกันในปี 2024 ด้วยการหลอกลวงออนไลน์มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 320,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 66% จากปี 2023
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้านการก่อการร้าย และข่าวกรองทางการเงิน กล่าวว่าย้ำว่าไม่เพียงแต่คุกคามเสถียรภาพทางการเงินของชาวอเมริกัน แต่ยัเชื่อมโยงไปถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง ซึ่งทำให้เหยื่อจำนวนหลายพันคนต้องตกเป็นทาสยุคใหม่ที่ถูกหลอกมาทำงานในศูนย์หลอกลวงทางการเงิน เหยื่อเหล่านี้ถูกข่มขู่ ทุบตี กักขัง และบังคับให้ทำงานหลอกเหยื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ
เครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) เปิดเผยรายงานว่า วิธีการที่นิยมคือการใช้ความสัมพันธ์ปลอม นักหลอกลวงจะสร้างความไว้วางใจผ่านการแชท หรือโซเชียลมีเดีย ก่อนชักชวนเหยื่อให้ลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกเงินโดยเฉพาะ เหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน ผู้หลอกลวงเหล่านี้ถูกตั้งเป้าหมายยอดผู้เสียหายต่อวันอีกด้วย
เครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) เปิดเผยต่อไปว่า หนึ่งในศูนย์หลอกลวงใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองชเวก๊กโก่ ประเทศเมียนมา ภายใต้การคุ้มครองของกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) โดยเฉพาะโครงการยาไต นิว ซิตี้ ที่ถูกพัฒนาโดยนายเสอ จื้อเจียง นักธุรกิจจีนที่เป็นผู้ต้องหาหลายคดี และนายหม่องชิตตู ผู้นำ KNA ในหมู่บ้านริมแม่น้ำเมย ทำให้กลายเป็นเมืองแห่งอาชญากรรมเต็มรูปแบบ ทั้งการพนัน ยาเสพติด ค้าประเวณี และศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่ใช้แรงงานค้ามนุษย์ เหยื่อถูกหลอกเข้ามาแล้วถูกกักขัง ทรมาน และบังคับทำงานเพื่อองค์กรอาชญากรรม โดยบางรายต้องรอจนกว่าครอบครัวจะจ่ายค่าไถ่ถึงจะได้อิสระ
สำหรับประเทศกัมพูชา เป็นเครือข่ายอาชญากรรมแฝงตัวอยู่ในคาสิโน และโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น สีหนุวิลล์ และบาเวต บริษัททีซี แคปปิตอล T C Capital และเคบี โฮเทล K B Hotel ได้รับการระบุว่าเป็นเจ้าของคอมเพล็กซ์ที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงการลงทุนคริปโทและฟอกเงิน รายงานพบว่า ผู้ลงทุนหลักเป็นอดีตนักโทษคดีฟอกเงิน และการพนันผิดกฎหมายจากจีน เช่น นายตง เล่อเฉิง และนายสวี อ้ายหมิน ซึ่งอาศัยเส้นสายทางการเมืองท้องถิ่นเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ
นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายนักธุรกิจรายใหญ่ในกัมพูชา เช่น นายเฉิน อัล เลน และนายซู เหลียงเซิง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในโครงการคาสิโน และศูนย์หลอกลวงหลายแห่ง รวมถึงการถือหุ้นในธนาคารเอชเอช แบงก์ แคมโบเดีย HH Bank Cambodia ซึ่งชี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการอำนวยความสะดวกด้านการเงินให้กับธุรกิจผิดกฎหมาย