สำนักงานกำกับมาตรฐานการโฆษณา (The Advertising Standards Authority) หรือเอเอสเอ ASA ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการกำกับดูแลมาตรฐานการผลิต เผยแผ่งานโฆษณาแห่งซึ่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการผลิต และเผยแผ่งานโฆษณาที่นำเสนอภาพ และเนื้อหาของผู้สูงอายุที่สื่อสารไปในแง่ลบ ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานะความเป็นจริงของผู้คนสูงอายุ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่กลับกลายเป็นมีทัศนคติในทางลบต่อกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น การทึกทักเข้าใจในภาพรวมว่าผู้สูงอายุมักจะอารมณ์ไม่ดี อารมณ์หงุดหงิดง่ายอยู่เสมอ คนสูงอายุส่วนใหญ่โดดเดี่ยวและแยกตัวออกจากสังคม
งานโฆษณาในสหราชอาณาจักรที่สื่อสารผู้สูงอายุนั้น ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าเห็นแต่ผู้สูงอายุในโฆษณาเกี่ยวกับบริการงานศพ บ้านพักคนชรา อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เหล็กค้ำช่วยเดิน หรือวอล์กเกอร์ รถเข็น อย่างไม่หยุดหย่อน การสื่อสารเหล่านี้ สะท้อนว่าผู้สูงอายุไม่มีตัวตน และว่าเป็นกลุ่มที่ตกยุค
เอเอสเอ เปิดเผยข้อมูลในรายงานดังกล่าวว่า กลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัยจำนวน 4,000 คนที่เข้าร่วมการสำรวจ ปรากฏว่า เกิน 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างมองว่า คนอายุ 55 ปีขึ้นไปถูกเหมารวมในทางลบในงานโฆษณา และเกือบ 50% ของกลุ่มตัวอย่างเห็นว่าภาพผู้สูงอายุที่แสดงว่าเป็นคนใช้งานเทคโนโลยีไม่เป็นนั้น อาจเข้าข่ายการดูถูกเหยียดหยาม
นอกจากนี้ มากกว่า 20% เชื่อว่าการนำเสนอเรื่องความแก่นั้น มองว่าเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดออกไปให้หมดในการนำเสนอบนงานโฆษณา โดยเฉพาะงานโฆษณาผลิตภัณฑ์ความงาม มีแนวโน้มที่จะสร้างผลกระทบเชิงลบ โดยส่งผลต่อมุมมองที่ผู้สูงอายุมีต่อตนเอง
เอเอสเอ เปิดเผยข้อมูลต่อไปว่า เกือบ 50% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ระบุว่าโฆษณาที่ใช้มุกตลกโดยมีผู้สูงอายุเป็นเป้าหมายในหนังโฆษณานั้น มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความไม่พอใจ และมากกว่า 33% พบว่ารู้สึกรำคาญกับการนำเสนอภาพผู้สูงอายุแบบเหมารวม เช่น อารมณ์ไม่ดี หรือคบหากับผู้สูงอายุด้วยกันเท่านั้น
ในการสำรวจความคิดเห็นนี้ ได้มีการฉายโฆษณาจากแบรนด์ดัง เช่น หนังโฆษณาของแพลทฟอร์มมองหาทรัพยากรบุคคลที่มีความชำนาญสูง ชื่อดัง LinkedIn ใช้สโลแกนว่า “Parents don’t get B2B” แปลว่า พ่อแม่ไม่เข้าใจเรื่องทำการธุรกิจแบบระหว่างบริษัทกับบริษัท
ด้วยเหตุนี้ จึงมองได้ว่ามีแนวโน้มที่จะสร้างมุมมองเชิงลบมากที่สุดต่อผู้สูงอายุ หนังโฆษณาของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังอย่าง เจดี วิลเลียมส์ JD Williams นำเสนอภาพผู้หญิงสูงวัยสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส และทันสมัยด้วย และใช้สโลแกนว่า Feeling more girlfriend than grandma แปลว่า รู้สึกเหมือนเป็นแฟนสาวมากกว่าเป็นคุณย่า
ผู้เข้าร่วมสำรวจบางรายมองงานโฆษณาของแบรนด์ เจดี วิลเลียมส์ ว่า ผู้หญิงสูงวัยบางคนเห็นโฆษณาความงามดังกล่าวแล้วคิดว่าเป้าหมายของผู้หญิง คือการดูอ่อนกว่าวัย 20 ปี ความรู้สึกแบบนี้ของคนสูงวัยอาจเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะนั่นเป็นการชี้นำผู้หญิงสูงวัยให้ทำตัวอ่อนกว่าวัยเข้าไว้เท่านั้นถึงจะมีความสุข บางรายมองว่าเป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่าความชราเป็นเรื่องไม่ดี และผู้หญิงจะไม่ดูดี หรือรู้สึกดี เว้นแต่จะพยายามต่อสู้กับความสูงวัยนี้