นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า ฮอนด้า มอเตอร์ เตรียมเปิดการเจรจา โอกาสและทางเลือกต่างๆในการควบรวมกับนิสสัน มอเตอร์ในวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคมนี้ ซึ่งการรายงานข่าวดังกล่าวไม่ได้อ้างอิงถึงแหล่งข่าวจากทั้งสองค่ายรถยนต์ชื่อดัง อย่างไรก็ตามมีสัญญาณที่ชัดเจนซึ่งอาจเป็นไปได้ที่จะมีการเปิดเจรจาอย่างเร็วที่สุดในต้นสัปดาห์หน้าหลังจากบริษัท ฮอนไฮ พรีซิชั่น อินดัสตรี จำกัด หรือเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า ฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดอกเตอร์รายใหญ่ที่สุดในไต้หวันและมีชื่อเสียงระดับโลกได้แสดงความสนใจด้วยการเสนอซื้อหุ้นของบริษัทนิสสันมอเตอร์ หลังจากเมื่อวานนี้ฮอนด้า มอเตอร์ เปิดเผยว่าจะมีการเปิดเจรจาเพื่อเสนอทางเลือกในการควบรวมนิสสันมอเตอร์ และอาจมีมิตซูบิชิ มอเตอร์เข้าร่วมด้วย
นิกเคอิ เอเชีย รายงานต่อไปว่า ฮอนด้า มอเตอร์ถึงกับขู่นิสสัน มอเตอร์ว่า จะยุติความร่วมมือเกี่ยวกับเทคโนโลยีผลิตรถยนต์กับนิสสัน มอเตอร์ หากพบว่านิสสัน มอเตอร์แสดงความสนใจในข้อเสนอของฟ็อกซ์คอนน์ รวมถึงจะไม่เข้ามาช่วยเหลือนิสสัน มอเตอร์ หากฟ็อกซ์คอนน์ ดำเนินการควบรวมกิจการนิสสัน มอเตอร์ด้วยวิธีการเทคโอเวอร์อย่างไม่เป็นมิตรต่อนิสสัน มอเตอร์
ขณะที่ กลุ่มผู้ถือหุ้นรายสำคัญในบริษัทนิสสัน มอเตอร์ อย่างเรโนลต์ เอสเอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส เปิดเผยว่ายินดีกับฮอนด้า มอเตอร์ที่แสดงความสนใจในการเปิดเจรจาทางเลือกต่างๆในการควบรวมนิสสัน มอเตอร์ สำหรับราคาหุ้นของบริษัทนิสสันมอเตอร์ที่ตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่นปิดตลาดเมื่อวานนี้มีราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 24% ทำสติราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 50 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1974 เป็นต้นมา สอดคล้องกับราคาหุ้นของบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์สมีราคาพุ่งทะยานสูงขึ้นถึง 20% ทำสติราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 11 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ท่ามกลางราคาหุ้นของฮอนด้า มอเตอร์ ปรับตัวลดลงในช่วงแคบๆ เพียง 3.4%
ด้านสถาบันการเงินมีชื่อว่า ดาต้าบริคส์ เปิดเผยว่าจากการประเมินภาวะราคาหุ้นตลอดจนการตีค่ามูลค่าสินทรัพย์ต่างๆของทั้งฮอนด้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ รวมถึงโอกาสที่จะกลายขึ้นเป็นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก จึงคาดการณ์ว่ามูลค่าในการเสนอควบรวมนิสสันมอเตอร์ในครั้งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 62,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 2.12 ล้านล้านบาท
ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ 18 ธันวาคม 2024 ฮอนด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 2 ในญี่ปุ่น และนิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ในญี่ปุ่น เตรียมเปิดการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน โดยการตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ คอมพานี ขึ้นมา เพื่อให้ทั้งฮอนด้า และนิสสัน สามารถดำเนินธุรกิจผลิตรถยนต์และทำการตลาดเพื่อแข่งขันกับแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของต่างประเทศ เช่น เทสลาจากสหรัฐ และแบรนด์รถอีวีสัญชาติจีน
ฮอนด้า และนิสสัน จะมีการเปิดแถลงข่าวเร็วๆ นี้ ด้วยการเปิดลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU การจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ คอมพานี ตามข้อมูลเบื้องต้น นอกจากนี้ บริษัทโฮลดิ้งส์ คอมพานี ดังกล่าวนั้น นิสสัน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ มากถึง 24% ซึ่งเป็นอึกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในญี่ปุ่น จะนำค่ายรถมิตซูบิชิ มอเตอร์ เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทโฮลดิ้งส์ คอมพานี ด้วย ซึ่งยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด การควบรวมดังกล่าวจะส่งผลให้กลายเป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ในโลก ด้วยยอดขายรวมกัน 8 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์รวมกันทั่วโลกของฮอนด้า และนิสสันในปี 2023 อยู่ที่ 7.4 ล้านคัน
ในปัจจุบันฮอนด้า มอเตอร์ มีมูลค่าบริษัท อยู่ที่ 5.95 ล้านล้านเยน หรือ 38,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.33 ล้านล้านบาท ขณะที่ นิสสัน มอเตอร์ มีมูลค่าบริษัท อยู่ที่ 1.17 ล้านล้านเยน หรือ 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 259,920 ล้านบาท ซึ่งฮอนด้า มอเตอร์ มีมูลค่าตลาดใหญ่กว่านิสสัน มอเตอร์ ถึง 5 เท่า หากการเจรจาควบรวมกิจการด้วยการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง company เป็นผลสำเร็จและมีความชัดเจนแล้วจะกลายเป็นการควบรวมกิจการที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่การควบรวมกิจการระหว่างค่ายรถยนต์เฟียต ไครสเลอร์ กับพีเอสเอ กลายเป็นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันมีชื่อว่า สเตลแลนทิส (Stellantis)
ทั้งฮอนด้า และนิสสัน ได้ เริ่มต้นเปิดการพูดคุยเจรจามาตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีนี้ ทั้งสองฝ่ายได้มีการสร้างความร่วมมือซึ่งกันและกันในลักษณะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์อย่างชัดเจนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการใช้ชิ้นส่วน และซอฟต์แวร์ในการผลิตรถยนต์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ในช่วงเวลานั้น ค่ายรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมกับทั้งสองแบรนด์ดังกล่าวด้วย
ฮอนด้ามอเตอร์นอกจากจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองในประเทศญี่ปุ่นแล้วยังเป็นค่ารถยนต์ที่มีชื่อเสียงในการ เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานที่มีประสิทธิภาพในรถยนต์ ที่ใช้เครื่องยนต์ประเภทไฮบริด นอกจากนี้ ฮอนด้ายังมีส่วนแบ่งของตลาดเครื่องยนต์ไฮบริดของตลาดโลก ซึ่งเป็นรองเพียงโตโยต้ามอเตอร์ เท่านั้น หากย้อนกลับไปดูในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งฮอนด้า มอเตอร์ เป็นต้นมา จะพบว่า ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นที่จะผลิตเครื่องยนต์ และพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆด้วยตัวเอง ดังนั้น การเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงไม่เพียงแค่ค่ายรถยนต์ฮอนด้า มอเตอร์ แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นในภาพรวม ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านยุคของรถยนต์ไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถอีวี