นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. ระบุถึงประเด็นการปรับลดพนักงานของธนาคาร ว่า คาดสาเหตุมาจากธนาคารต้องปรับตัวและลดต้นทุน เพราะธุรกิจธนาคารมีการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะการเข้ามาของธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank ที่กำลังจะเปิดให้บริการในไทย ปี 2569 ซึ่งมีต้นทุนสาขาและจำนวนพนักงานที่น้อยกว่าธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมในปัจจุบัน สำหรับค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการถือเป็นต้นทุนสำคัญของธนาคาร โดยเฉพาะในะระยะหลังธนาคารก็มีการลงทุนระบบเทคโนโลยีค่อนข้างมาก จึงถือเรื่องของการปรับตัว
การพยายามลดต้นทุนไม่ได้มีแค่เฉพาะในธนาคารเท่านั้น ธุรกิจอื่น ๆ ก็มีเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และถ้าสามารถลดต้นทุนได้ การให้บริการลูกค้าก็อาจดีขึ้น ทั้งนี้คิดว่าธนาคารทุกแห่งพยายามบริหารต้นทุน เพราะถูกกดดันจากหลายปัจจัย เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เป็นต้น
สำหรับการเข้ามาของเอไอ (AI) ส่วนตัวคิดว่ายังเร็วเกินไปที่ทำงานแทนคนได้ ส่วนใหญ่ที่เห็นในธุรกิจธนาคารมักจะนำไปใช้ด้านการบริการและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ แต่ยังไม่ได้เข้าทดแทนคนในการพิจาณาให้สินเชื่อ
“ผลกระทบการให้บริการ ก็ต้องดูว่ามีการร้องเรียนเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากปรับลดแล้วทำให้การบริการลูกค้าไม่เหมือนเดิมและมีการเรียนเพิ่มขึ้น ธปท.จะต้องเข้าไปดูแล” สุวรรณี กล่าว
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าสิ้นสุดเดือนก.ค. 2568 ธนาคารไทยมีสาขาและจุดบริการทั้งในและนอกประเทศรวมกันทั้งหมดเหลือเพียง 5,200 แห่ง ลดลง 25.8% จากปี 2558 ที่มีจำนวน 7,012 แห่ง นั่นหมายถึงในช่วงทศวรรษผ่านมา สาขาธนาคารถูกปิดเฉลี่ยสองวันปิด 1 สาขา
ส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารที่มีจำนวนสาขาและจุดบริการมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่
1. กรุงไทย มีจำนวน 976 แห่ง
2. กรุงเทพ มีจำนวน มีจำนวน 799 แห่ง
3. กสิกรไทย มีจำนวน มีจำนวน 762 แห่ง
4. ไทยพาณิชย์ มีจำนวน 661 แห่ง
5. กรุงศรีอยุธยา มีจำนวน 578 แห่ง
6. ไทยเครดิต มีจำนวน 539 แห่ง
7. ทหารไทยธนชาต มีจำนวน 470 แห่ง
8. ยูโอบี มีจำนวน 140 แห่ง
9. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีจำนวน 71 แห่ง
10. เกียรตินาคิน มีจำนวน 55 แห่ง