สื่อญี่ปุ่นดัง ไมนิจิ รายงานนายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ตัดสินใจลาออก การเมืองไร้เสถียรภาพ ไม่ได้เสียงข้างมากในวุฒิสมาชิก

สื่อญี่ปุ่นดัง ไมนิจิ รายงาน นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ตัดสินใจลาออก การเมืองไร้เสถียรภาพ ไม่ได้เสียงข้างมากในวุฒิสมาชิก

สำนักข่าวไมนิจิ ประเทศญี่ปุ่น รายงานข่าวด่วนในเช้าวันนี้ 23 กรกฎาคม 2025 เมื่อเวลา 10.00 น. โดยประมาณ ว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายอิชิบะ ชิเงรุ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และลาออกจากหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งพรรคดังกล่าวเป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบัน สาเหตุจากผลการเลือกตั้งวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า พรรคแอลดีพีได้ที่นั่งเข้ามาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง หรือไม่ได้เสียงส่วนใหญ่ ทำให้พรรครัฐบาลต้องกลายเป็นเสียงข้างน้อยทั้งในสภาสูงและสภาล่าง นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งพรรคแอลดีพีในปี 1955 หรือในรอบ 30 ปี

ท่ามกลางผลการเลือกตั้งของพรรคแอลดีพีที่ออกมาย่ำแย่ ทำให้เกิดกระแสการเรียกร้องเพิ่มขึ้นให้นายกรัฐมนตรีอิชิบะลาออก โดยเฉพาะจากภายในพรรคแอลดีพีเองด้วย นอกจากนี้ องค์กรส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศญี่ปุ่นกำลังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก และปฏิรูปโครงสร้างพรรค กระแสดังกล่าวมีขึ้นทันทีหลังจากที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นทราบผลการเลือกตั้ง แต่ประกาศความตั้งใจที่จะดำรงตำแหน่งต่อไป

คิฮาระ เซอิจิ ประธานคณะกรรมการหาเสียงเลือกตั้งของพรรค ได้แสดงเจตนาที่จะลาออกเมื่อการพิจารณาและทบทวนผลเสร็จสิ้น และอนาคตของนายกรัฐมนตรีอิชิบะ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วย จะต้องถูกตัดสินเช่นกัน ด้านเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงคนหนึ่งของพรรคแอลดีพี กล่าวว่าเมื่อการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ฝ่ายบริหารจะต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ

กรณีนายกรัฐมนตรีอิชิบะลาออกภายในเดือนกรกฎาคมนี้ การเลือกตั้งเพื่อเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในการประชุมสภานิติบัญญัติสมัยวิสามัญที่จะมีขึ้นในเดือน สิงหาคม อย่างไรก็ตาม พรรครัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย จึงไม่มีหลักประกันว่าหัวหน้าพรรคแอลดีพีจะสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อิชิบะกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านหลักทุกพรรคต่างปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และพรรคโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้สูญเสียเสียงข้างมากในทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากสำหรับรัฐบาลญี่ปุ่นในยุคหลังสงคราม โดยสถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า การสนับสนุนจากฝ่ายค้านจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับการผ่านร่างกฎหมายและงบประมาณ

ทั้งนี้ พรรคแอลดีพี และพรรคโคเมอิโตะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการได้ที่นั่งอย่างน้อย 50 ที่นั่งจาก 125 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่จำเป็นต่อการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา การเลือกตั้งที่ผ่านไปถือเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีอายุเพียงไม่กี่เดือน ท่ามกลางความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการรับมือกับราคาที่สูงขึ้น การเติบโตของค่าจ้างที่ไม่เพียงพอ และการเจรจาภาษีศุลกากรกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่แทบจะไม่คืบหน้า

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles