นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2568 จาก 1,500,000 คัน ลดลง 3.33% เหลือ 1,450,000 คัน ลดลง 50,000 คัน โดยปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออกลดลง 5% จาก 1,000,000 คันเป็น 950,000 คัน โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับลดเป้าหมายได้แก่ มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อมูลค่าการค้าโลกภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อและยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลง ,การเพิ่มความเข้มงวดด้านข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอน ,การยุติการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อปรับไลน์การผลิตสู่รุ่นใหม่ ,ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคของโลก และการรุกตลาดของรถยนต์ในประเทศคู่ค้า ซึ่งเพิ่มการแข่งขันและกดดันยอดขาย
โดยในเดือนมิ.ย. 2568 จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ มีทั้งสิ้น 130,223 คัน ลดลงจากเดือนพ.ค. 2568 ที่ 6.44 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 11.98% เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้นจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้น 314.55% และผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้น 8.39% จากการผลิตรถกระบะส่งออกเพิ่มขึ้น 4.00% และผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 26.27% จากฐานต่ำในเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ส่วนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 724,715 คัน ลดลงจากเดือนม.ค. – มิ.ย. 2567 ที่ 4.80%
ในส่วนของการผลิตเพื่อส่งออกเดือนมิ.ย. 2568 ผลิตได้ 84,918 คัน เท่ากับ 65.21% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 3.85% ส่วนเดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 475,013 คัน เท่ากับ 65.54% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกัน 7.98%
ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนมิ.ย. 2568 ผลิตได้ 45,305 คัน เท่ากับ 34.79% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 31.24% และเดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 ผลิตได้ 249,702 คัน เท่ากับ 34.46% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. – มิ.ย. 2567 ที่ 1.90%
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมิ.ย. 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 50,079 คัน ลดลงจากเดือนพ.ค. 2568 ที่ 4.12% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 5.07% เพราะฐานต่ำของปีที่แล้วจากยอดขายที่ลดลงตั้งแต่เดือนเม.ย. 2566 เป็นต้นมา เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกันจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและรถ PPV เพิ่มขึ้นจากการออกรุ่นใหม่ของบางบริษัท แต่รถกระบะยังคงขายลดลง 19.9% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศยังคงอ่อนแอจากการลงทุนภาคเอกชนไตรมาสหนึ่งของปี 2568 ลดลง 0.9% จากไตรมาสหนึ่งของปีก่อน ส่งผลให้แรงงาน โดยภาคการผลิตลดลง 0.4% สาขาก่อสร้างลดลง 5.1% อำนาจซื้อของประชาชนจึงอ่อนแอ
ตั้งแต่เดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 รถยนต์มียอดขาย 302,694 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกัน 1.73%
ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมิ.ย. 2568 ส่งออกได้ 88,085 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 8.65% แต่ลดลงจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 1.11% ลดลงจากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่นจากการเข้มงวดเรื่องอุปกรณ์ช่วยเหลือการขับเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของประเทศคู่ค้า
“ขอบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ประเทศไทยย้อนหล้ง “เดือนเม.ย. 2568 เป็นเดือนแรกที่มีการผลิตรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทย เดือนพ.ค. 2568 เป็นเดือนแรกที่ส่งออกรถกระบะไฟฟ้าจากการผลิตในประเทศไทย”
โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 57,439.52 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 8.97% แต่เครื่องยนต์และชิ้นส่วนส่งออกเพิ่มขึ้น โดยรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมิ.ย. 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 79,250.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 5.78% ทั้งนี้ เดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 459,357 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกัน 11.50%
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 314,370.86 ล้านบาท ลดลงจากเดือนม.ค. – มิ.ย. 2567 ที่ 13.51% โดยรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 441,184.40 ล้านบาท ลดลงจากเดือนม.ค. – มิ.ย. 2567 ที่ 9.17%
ในขณะที่ รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 34,101.67 ล้านบาท ลดลงจากเดือนม.ค. – มิ.ย. 2567 ที่ 1.84% ขณะที่เดือนมิ.ย. 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 84,734.83 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่ 4.30%
โดยเดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 475,286.07 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่ 8.68%
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนมิ.ย. มี BEV จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 15,100 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว 88.99% โดยแบ่งเป็น รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 13,312 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. 2567 ที่ 130.99%
โดยเดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 มี BEV จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 69,055 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. – มิ.ย.ปีที่แล้ว 33.03% ทั้งนี้ BEV จดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 ทั้งสิ้น 296,784 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 61.98%
ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนมิ.ย. 2568 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,520 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว 8.49% โดยเดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 มี HEV จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 72,313 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. – มิ.ย.ปีที่แล้ว 0.57%
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนมิ.ย. 2568 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,524 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว 80.78% เดือนม.ค. – มิ.ย. 2568 มี PHEV จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 11,346 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. – มิ.ย.ปีที่แล้ว 131.74%