หนี้บ้านคนไทยเจนวายแบกทั้งหนี้เสียแล้วถึงครึ่งของหนี้เสียทั้งหมด มีกว่า 50% แบกทั้งหนี้กำลังจะเสีย

หนี้ บ้าน คนไทยเจนวายแบกทั้ง หนี้เสีย แล้วถึงครึ่งของหนี้เสียทั้งหมด มีกว่า 50% แบกทั้งหนี้กำลังจะเสีย

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร โพสต์ข้อความเกี่ยวสถานการณ์หนี้เงินกู้อสังหาริมทรัพย์ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีดังนี้

รายงานสินเชื่อบ้านไตรมาสที่ 1/2567 จากข้อมูลสถิติของเครดิตบูโร ในไตรมาสที่ 1/2567 เครดิตบูโรเห็นอะไรจากข้อมูลที่สมาชิกสถาบันการเงินส่งเข้ามาในระบบ บรรยากาศที่พบเจอกันในการยื่นขอสินเชื่อบ้านจะพบว่ามีเสียงอื้ออึงว่าถูกปฎิเสธสูงมาก เรียกได้ว่า 100 ใบสมัคร ผ่านการพิจารณาเบื้องต้น 50 ใบ เหตุเพราะมีการตรวจประเมินรายได้เข้มข้น เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขอกู้มีศักยภาพ คำว่าศักยภาพมันก็ต้องมีรายได้แน่นอน มั่นคง เพียงพอ สม่ำเสมอ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ว่าลูกหนี้จะต้องมีความสามารถในการชำระหนี้ตามตารางการชำระหนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง ตรวจรายได้เสร็จก็ไปตรวจเครดิตบูโรต่อว่า มีหนี้มากแค่ไหน มีประวัติการค้างชำระหรือไม่ เพื่อประเมินความตั้งใจในการชำระหนี้ เพราะมันก็เป็นไปตามกฎว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

บัญชีที่เปิดใหม่ของสินเชื่อบ้านในแต่ละปีมีกี่มากน้อย และคนวัยไหนเป็นผู้ได้สินเชื่อ พบว่าส่วนใหญ่คือ Gen Y ครับ สัดส่วนสูงขึ้นทุกๆปี ที่สำคัญคือ วงเงินสินเชื่อบ้านระดับที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท น่าจะเป็นกลุ่มหลัก

การเปิดบัญชีใหม่ของสินเชื่อบ้านในแต่ละปีก็จะพบว่าปี 2018 หรือ 2561 มีจำนวนเกินกว่า 4.3 แสนบัญชี ปีก่อนโควิดก็อยู่ที่ระดับ 3.7 แสนบัญชี ปีที่แล้วอยู่ที่ 3.3 แสนบัญชี ไตรมาสแรกของปีนี้ได้เพียง 5.9 หมื่นบัญชี ดูแล้วมันมีแต่แผ่วลง ซึ่งฝั่งผู้ประกอบการต่างก็บ่นกันมากเรื่องขายได้ยาก กู้ไม่ผ่าน ขอเหลือมาก อยากให้ลดเงื่อนไขเช่น LTV หลังที่สองหลังที่สาม แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับที่ปลายสาย เป็นต้น

สถานการณ์ในภาพรวมของสินเชื่อบ้าน คือ หนี้บ้านที่เคยเป็น NPLs แล้วมีการนำมาปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา(หนี้ทำ TDR) ภาพมันบอกว่าปรับกันมาก หนี้เสียในไตรมาสนี้มีการยกตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.0 แสนล้านบาทเติบโต 18% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา สัดส่วนในหนี้เสียรวม(1.09ล้านล้านบาท) ก็ประมาณ 20% ถือว่าไม่น้อยนะครับ หนี้บ้านที่เริ่มค้างชำระแต่ยังไม่เลย 90 วัน เรียกหนี้ตรงนี้ว่าหนี้กำลังจะเสีย หรือ SM มันมาหยุดที่ 1.8 แสนล้านบาทเติบโต 15% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ดีขึ้นกว่า Q4/2566 ที่เติบโต 31% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ที่สำคัญ คือ 1.2 แสนล้านบาทอยู่ในความดูแลขอแบงก์รัฐครับ การปรับโครงสร้างหนี้จะมีความยืดหยุ่น ผ่อนปรน ไม่ขึงตึงเท่าทางฝั่งเอกชนครับ

หนี้ที่ค้างเกิน 90 วัน หรือหนี้เสียของสินเชื่อบ้าน หนี้กำลังจะเสียหรือ SM สินเชื่อบ้าน จำนวนบัญชีแยกตามช่วงวัยของ Generation ในแต่ละไตรมาส เช่นไตรมาส 1 ปี 2567 Gen Y ถือสัญญาสินเชื่อบ้านที่เป็น NPL เท่ากับ 83,281 สัญญา คิดเป็นเงิน 1.24 แสนล้านบาท ในกรณีของ SM บ้านที่อยู่ในมือคน Gen Y ช่วงเวลาเดียวกันนี้มีจำนวน 76,276 สัญญา คิดเป็นเงิน 1.18 แสนล้านบาท คิดแบบเร็วๆครับ คน Gen Y เป็นหนี้เสียบ้านกว่า 50%ของหนี้เสียบ้านทั้งหมด(1.24/2.0แสนล้านบาท) และก็กว่า 50% อีกเหมือนกันที่คน Gen Y เป็นหนี้กำลังจะเสียส่วนใหญ่(1.18/1.8แสนล้านบาท) คนวัยกำลังทำงานจะไปต่ออย่างไรในบรรยากาศเศรษฐกิจโตต่ำ มีปัญหาให้แก้แทบทุกด้าน จะเป็นหลานอาม่าในวันนี้มันไม่ง่ายเหมือนในหนังที่มีคนรุ่นก่อนเก็บเงินไว้ให้นะครับ ชีวิตจริงกับในหนังมันแตกต่างกันพอสมควร

ในสภาพที่รุมเร้าแบบนี้ ทางออกของใครบางคนมันก็ไม่พึงประสงค์ แต่คนเรานะครับ เมื่อมันสุดของสุด การตัดสินใจแบบนี้เราอาจจะเห็นมากขึ้น ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเป็นเช่นนั้นเลย

แต่งงานในเวลาที่เหมาะสม แต่งกับงานที่สร้างรายได้ให้ทันกับค่าใช้จ่าย กู้บ้านกู้รถเอาตามความเหมาะควรของตัวเรา อย่าไปเอามาตรฐานที่คนอื่นมาบอกว่าเราควรทำอย่างไร เพราะบางครั้งคนที่บอกให้เราทำอย่างไร เขาคนนั้นอาจจะยังไม่รอดจากความอยากของตัวเค้าเองอยู่เลย กระเป๋าใครกระเป๋ามัน สำหรับตัวผมได้แต่บอกว่า ถ้าคิดจะมีลูกกันในปีพ.ศ. นี้ คิดกันเยอะๆ คิดกันให้มาก คิดแล้วคิดอีก “การไม่มีลูก อาจเป็นลาภอันประเสริฐ” ในช่วงเวลาที่ยังมี Long covid-19 ด้านการเงินอย่างในเวลานี้นะครับ ลองไตร่ตรองดูครับ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles