นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ในสัปดาห์นี้แกว่งผันผวนรับแรงกดดันปัจจัยการเมืองภายในประเทศ หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ส่งผลให้โครงการลงทุนใหม่ของรัฐบาลต้องชะลอออกไป โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ คนละครึ่งพลัสเฟส 2 โครงการ TISA ทำให้ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 68 มีแนวโน้มแผ่ว
ขณะเดียวกันยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ชี้การปะทะชายแดนส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจ และการขายต่อวันลดลงเกือบ 100% และการเจรจาการค้าภาษีสหรัฐฯ ยังต้องรอดูท่าทีสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม จึงคาดการณ์กรอบดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,230-1,280 จุด
สำหรับบรรยากาศการลงทุนในช่วงปลายปี 68 มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและทิศทางเศรษฐกิจไทย โดยปัจจัยบวกที่โดดเด่น ได้แก่ บอร์ด BOI มีมติอนุมัติการลงทุนใหม่จำนวน 15 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 240,000 ล้านบาท ครอบคลุมอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ อาทิ ดาต้าเซ็นเตอร์ พลังงานสะอาด นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ และการขนถ่ายสินค้าทางเรือ คาดว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของไทยและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
ขณะที่ภาครัฐมีการสนับสนุนการใช้งานรถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งล่าสุดบอร์ดอีวีเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ MHEV (Mild Hybrid Electric Vehicle) โดยกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตคงที่เป็นเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2569-2575 เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการและผลักดันไทยสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งนับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนถึงความพยายามในการสนับสนุนเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะการเงินโลก
ด้าน Dot Plot ล่าสุดส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 69 ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่เคยส่งสัญญาณไว้ในการประชุมเดือนกันยายนที่ผ่านมา และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 69 ขึ้นเป็น 2.3% จากเดิม 1.8% สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ยังมีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ต้องติดตามต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ วันที่ 17 ธ.ค. กำหนดประชุมกนง.นัดสุดท้ายของปี 68, สัปดาห์ที่ 3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและวันที่ 30 ธ.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
ปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องติดตาม อาทิ วันนี้ 15 ธ.ค. ญี่ปุ่น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 4/2568, จีน รายงานราคาบ้านเดือนพ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ย. ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนรายสัปดาห์ เป็นต้น