หอการค้าเยอรมนี (German Chamber of Commerce) ในประเทศจีนเปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) ควรมุ่งเน้นการลงทุนที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแทนที่จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะยกเลิกหรือผ่อนคลายข้อจำกัดด้าน
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการนำเข้าจากจีน โดยระบุว่ารถยนต์ดังกล่าวได้รับประโยชน์อย่างมากจากการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลจีน และถือเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจต่อผู้ผลิตรถยนต์ EV ในยุโรป อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ EC ได้ก่อให้เกิดเสียงคัดค้านและความกังวลจากรัฐบาลและภาคธุรกิจของประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป
โดย EC ประกาศเรียกเก็บภาษีพิเศษกับยานยนต์ไฟฟ้าระบบแบตเตอรี (BEV) ที่มีการนำเข้าจากจีน นอกเหนือจากการเรียกเก็บภาษี 10% ในปัจจุบัน โดยบริษัท SAIC จะถูกเรียกเก็บภาษีพิเศษ 38.1% ขณะที่บริษัท Gleely ถูกเรียกเก็บ 20% และบริษัท BYD ถูกเรียกเก็บ 17.4%
สำหรับมาตรการทางภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 ก.ค. โดยจะขึ้นอยู่กับผลการเจรจาแก้ไขปัญหาระหว่าง EC และบริษัทรถยนต์แต่ละแห่ง เพื่อพิจารณาว่าทางบริษัทให้ความร่วมมือกับ EC หรือไม่ ก่อนที่จะบังคับใช้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ EC เริ่มการสอบสวนเรื่องดังกล่าวตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566
นายแม็กซิมิเลียน บูเทก กรรมการบริหารหอการค้าเยอรมนีประจำภูมิภาคตะวันออกของจีน กล่าวว่า ภาษีดังกล่าวไม่ได้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ EU ในการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ และเน้นย้ำว่าการปกป้องอุตสาหกรรมภายใน EU เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตยานยานต์จีนดำเนินการอยู่ทั่วโลก