นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง และมีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ว่า เห็นว่าเหมาะสม และอยากเห็นการแอคชั่นแรกๆของผู้ว่าธปท.คนใหม่ ซึ่งประเด็นการเงินการคลังในวันนี้ ภาคเอกชนพูดมาตลอด ได้แก่
1. ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนและแข็งค่าเร็ว ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้เสียความสามารถการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่ต้องแย่งกันหาตลาดทดแทนการส่งออก หลังจากสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราที่สูงต่ำแตกต่างกัน
2.ควรทบทวนอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบาย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการลดต้นทุน
3. ธปท. ควรหารือกับสมาคมธนาคารไทยและกระทรวงการคลัว ออกมาตรการอัดฉีดเงินช่วยสภาพคล่องและเงินหมุนเวียนการทำธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและรายย่อย
4. เตรียมพร้อมมาตรการช่วยเหลือ-เยียวยา ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ได้รับกระทบจากภาษีทรัมป์
ส่วนอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐเก็บจากฟิลิปปินส์ 19 % และญี่ปุ่น 15% ว่า หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะเจออัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐไม่แตกต่างกันมาก ใกล้เคียง 20% ซึ่งฟิลิปปินส์ อยู่ในอาเซียน ซึ่งคาดหวังอัตราที่ไทยจะได้เจอไม่น่าจะห่างจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมากนัก
ส่วนที่กังวลญี่ปุ่นจะย้ายผลิตและลงทุนกลับญี่ปุ่นนั้น ญี่ปุ่นออกมาลงทุนนอกประเทศ ซึ่งในไทยก็ไม่ต่ำกว่า ก็ 50-60 ปีมาแล้ว และเหตุผลการลงทุนนอกประเทศไม่เริ่มจากภาษี แต่เพราะมีพื้นที่ไม่เพียงพอกับการตั้งโรงงาน แรงงาน และค่าใช้จ่ายต่ำกว่าผลิตในประเทศ ดังนั้นจึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย