วันที่ 27 มีนาคม 2567 เมื่อเวลา 11.00 น. โดยประมาณ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เข้าเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 2/2567 หรือ บอร์ด เงินดิจิทัล นายกฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีปัญหา การเจริญเติบโตต่ำกว่าศักยภาพเป็นเวลายาวนาน และเผชิญกับปัญหาทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการฟื้นตัวด้านรายได้ของประชาชนที่ไม่เท่ากันหลังสถานการณ์โควิด-19 และภาระดอกเบี้ยที่ยังสูงตลอดเวลา ดังนั้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ผมขอเน้นย้ำโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นหนึ่งในมาตรการระยะสั้นที่จะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้กระจายตัวไปสู่ท้องถิ่นผ่านประชาชน ผู้ได้รับสิทธิและผู้ประกอบการร้านค้า ดังนั้น การดำเนินงานในขอบเขตที่มีเงื่อนไขที่เหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจในปัจจุบันย่อมส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และช่วยดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ทั้งนี้ จากที่กล่าวมาโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจึงควรถูกขับเคลื่อนและผลักดันเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
“วันนี้ในการประชุมผมจึงเห็นว่าควรพิจารณาทางเลือกแหล่งเงินที่จะใช้ในโครงการ และมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินโครงการไปพิจารณาจัดทำรายละเอียดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเป็นไปตามข้อพึงระวัง หรือความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับมา ขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 โดยกระบวนการต่างๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบต่างๆ ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และที่สำคัญการใช้อำนาจต่างๆ ในการดำเนินการโครงการนี้จะต้องเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์และสุจริต รอบคอบและระมัดระวัง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนโดยรวม ตลอดจนรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะเริ่มต้นเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรีได้นั่งเป็นประธาน และมองไปยังผู้เข้าร่วมประชุมในห้อง พร้อมเอ่ยคำถามทันทีว่า ท่านผู้ว่าแบงก์ชาติ (นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ) หายไปไหน ติดภารกิจหรือครับ ในขณะนั้น นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ท่านผู้ว่าติดภารกิจไปต่างประเทศครับ