ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่าเมื่อวันที่ 14 มีนาคม2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 41,488 จุด +674 จุด หรือ +1.66% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,638 จุด +117 จุด หรือ +2.13% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,754 จุด +451 จุด หรือ +2.61% ส่งผลหยุดดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดำดิ่ง 4 วันติดกันรวม -1,987 จุด หรือ -5.44% และเป็นวันที่ทั้งดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดพุ่งขึ้นดีที่สุดตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2024 หรือในรอบ 3 เดือนกว่า อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -3.1%, -2.0% และ -2.0% ตามลำดับ ส่งผลให้เป็นดัชนีหุ้นดาวโจนส์รายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 2 ปี หรือตั้งแต่มีนาคม 2023 ขณะที่ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดครายสัปดาห์ ปิดร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคมผ่านมา ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดดำดิ่งถึง -10.1% จากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ผ่านมา ส่งผลเกิดภาวะดัชนีหุ้นปรับฐาน หรือ Correction สมบูรณ์แบบ สอดรับกับดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดิ่งลงอีกเกินกว่า -10% ในโซนดัชนีหุ้นปรับฐาน หรือ Correction ต่อไป
สาเหตุจากนักลงทุนหวนเข้าซื้อหุ้นแทบทุกกลุ่มที่มีราคาตกต่ำอย่างรุนแรงในช่วง 4 วันทำการติดต่อกันที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสำคัญทั้ง 7 บริษัทที่เรียกว่าหุ้น 7 นางฟ้า ซึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีราคาตกต่ำเข้าสู่ภาวะหุ้นหมี หรือ Bear Stock นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ยังคงมีการรายงานต่อเนื่องซึ่งพบว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ความกังวลในความไม่แน่นอนสูงของมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีสหรัฐส่งผลต่อแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ที่สำคัญ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา นายโฮวาร์ด ลุทนิค กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอาจจะคุ้มค่า เพื่อที่จะให้นโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่