ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 42,454 จุด -132 จุด หรือ -0.31% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,712 จุด -64 จุด หรือ +1.12% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,899 จุด -372 จุด หรือ -2.04% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +1.2%, +0.5% และ +0.2% ตามลำดับ ส่งผลหยุดดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่ร่วงติดกัน 4 สัปดาห์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคมผ่านมา ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดดำดิ่งถึง -10.1% จากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ผ่านมา ส่งผลเกิดภาวะดัชนีหุ้นปรับฐาน หรือ Correction สมบูรณ์แบบ สอดรับกับดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดิ่งลงอีกเกินกว่า -10% ในโซนดัชนีหุ้นปรับฐาน หรือ Correction ต่อไป
สิ้นสุดกุมภาพันธ์ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2.9%, -3.0% และ -5.5% ตามลำดับ ขณะที่สิ้นสุดมกราคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.7%, +2.7% และ +1.6% ตามลำดับ
สาเหตุจากความไม่แน่นอนตลอดเวลาของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งประกาศเก็บภาษีนำเข้าสูง 25% กับรถยนต์ที่ผลิตนอกสหรัฐให้มีผลตั้งแต่ 2 เมษายนนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าอาจจะไม่เก็บภาษีต่างตอบแทนกับทุกประเทศ ซึ่งอาจมีการทบทวนมาตรการภาษีต่างตอบแทนที่จะเลือกเก็บอัตราภาษี 10-20% กับบางประเทศ
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25 ถึง 4.5% เท่าเดิม ส่งผลเป็นการตึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบปี 2025 นี้ และเป็นครั้งแรกใน 4 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 หลังจากได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงถึงสามครั้งต่อเนื่องรวมลดลง 1.0% ในปี 2024 ผ่านมา
ด้านธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ลดเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปี 2025 นี้ลงจากเดิมที่ 2.4% มาเหลือเพียง 1.7% นับเป็นมุมมองตัวเลขจีดีพีสหรัฐที่ลดต่ำลงจากภาพส่วนใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง รวมถึงเมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ผ่านมา กองทุนประกันความเสี่ยงในสหรัฐอเมริกาขายหุ้นออกจากพอร์ตการลงทุนมากที่สุดในรอบ 2 ปีกว่า เพื่อลดการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ
ผลสำรวจเกี่ยวกับมุมมองภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกา พบว่าตัวเลขดังกล่าวในช่วง 5 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.5% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีหรือนับตั้งแต่เมษายนปี 1995 เป็นต้นมา และในช่วง 1 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.3% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
