ดัชนี SET Index หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,341.03 จุด บวก 3.20 จุด หรือ +0.24% มูลค่าซื้อขาย 38,464.07 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทีมรัฐบาลใหม่ อีกทั้งดัชนีบวกขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 จากแรงซื้อกลุ่มค้าปลีกที่เก็งมาตรการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงแรงซื้อกลุ่มพลังงานและขนส่ง ขณะที่คาดเฟดลดดอกเบี้ยหนุน Fund Flow ไหลเข้า
โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ทำจุดสูงสุด 1,343.35 จุด และต่ำสุดที่ 1,334.79 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์
1. EA ปิดที่ 5.95 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,830.36 ล้านบาท
2. KBANK ปิดที่ 140.00 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,773.62 ล้านบาท
3. CPALL ปิดที่ 59.00 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,624.48 ล้านบาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ช่วงนี้ปรับขึ้นได้ดี มูลค่าซื้อขายมีคุณภาพมากขึ้น หลังจากได้นายกฯ คนที่ 31 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดันดัชนีปรับตัวขึ้นมาได้โดดเด่น 3.7% และหากพิจารณามูลค่าซื้อขาย เห็นเพิ่มขึ้นแบบมีคุณภาพมากขึ้น คือ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน หลังจากได้นายกฯ ใหม่ใน 4 วันทำการที่ผ่านมา อยู่ที่ 4.68 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากเดือน ก.ค. มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 3.67 หมื่นล้านบาท
ด้าน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นอีก 3 จุด โดยเป็นแรงซื้อจากกลุ่มค้าปลีกหนุนดัชนีกว่าครึ่ง เก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน รวมทั้งแรงซื้อกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ GULF รับผลบวกเงินบาทแข็งค่า และกลุ่มขนส่ง อาทิ BEM, AAV, BA
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดรอบนี้ที่ 1,290 จุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.วิ่งมาต่อเนื่อง 5 วัน จนถึงวันนี้ดัชนีทะลุ 1,340 จุดเท่ากับปรับตัวขึ้นกว่า 50 จุด หลังจากการเมืองในประเทศมีความชัดเจน ทำให้เกิดความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา ประกอบกับ ตลาดคาดว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับลง ทำให้มีโอกาสเม็ดเงินจากต่างชาติ (Fund Flow) จะไหลเข้ามา
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ คาดแกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ โดยให้แนวต้านที่ 1,350 จุด และแนวรับที่ 1,330 จุด เกาะติดถ้อยแถลงนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮลว่าจะส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยอย่างไร