ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,388.60 จุด ปรับลง 11.42 จุด หรือ -0.82% มูลค่าซื้อขาย 43,082.48 ล้านบาท ทำจุดต่ำสุด 1,388.11 จุด และทำจุดสูงสุด 1,403.80 จุด
ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในแดนบวกและลบ ส่วนใหญ่ดัชนีอยู่ในช่วงพักตัว เพราะไม่มีปัจจัยใหม่กระตุ้น และมีแรงขายจากหุ้นค้าปลีก หลังโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลยังขาดความชัดเจน
3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,481.35 ล้านบาท ปิดที่ 120.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
2. ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,398.09 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
3. PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,396.75 ล้านบาท ปิดที่ 34.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
ส่วนตลาด SET 50 ปิด 849.62 จุด ปรับลง -7.81 จุด หรือ -0.91% มูลค่าการซื้อขาย 25,815.97 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 412.89 จุด ปรับลง -4.92 หรือ -1.18% มูลค่าซื้อขาย 1,516.60 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทย ได้แก่ มูลค่าที่ต่างชาติเข้าซื้อสุทธิ 2 แสนล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 64 ถูกขายจนเกลี้ยงพอดี น่าจะช่วยให้มีแรงขายหลังจากนี้จำกัดมากขึ้น และแนวทางนโยบายการเงินกับการคลังเริ่มไปทิศทางเดียวกัน จึงเป็นช่องว่างให้ต่างชาติกลับมาลงทุน รวมไปถึงหุ้นไทยย่อตัวลงมาลึก จึงมีโอกาสย่อตัวช้าลง หรืออาจฟื้นตัวกลับขึ้นได้
บล.กรุงศรีพัฒนสิน ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งผันผวน ตอบรับนักเศรษฐศาสตร์ไทยและต่างประเทศเริ่มทยอยปรับมุมมองต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทย มาเป็นคาดว่าจะลดดอกเบี้ยลง 1-3 ครั้ง หรือ 0.25-0.75% หลังการประชุมของคณะกรรมการนโยบาย (กนง.) เมื่อวานนี้มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ โดยกรรมการ 2 เสียงเห็นว่าควรลดดอกเบี้ยลง 0.25% ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าและตลาดหุ้นพักตัวระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยปี 67 มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศและมีค่าใช้จ่ายต่อหัว/ทริปสูง ขณะที่นโยบายการเงินที่เริ่มผ่อนคลายจะหนุนตลาดทุนให้ Earning Yield Gap ของตลาดหุ้นกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีสูงขึ้น และหนุน SET ในระยะถัดไป
แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้มองโอกาสดัชนีอาจฟื้นตัวในกรอบแนวรับ 1,385-1,388 จุด และแนวต้าน 1,400-1,410 จุด