ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้อยู่ที่ 1,386.04 จุด ปรับลง 8.89 จุด หรือ -0.64% มูลค่าการซื้อขาย 49,752.04 ล้านบาท ดัชนีปรับลงตลอดวัน ทำจุดต่ำสุด 1,386.04 จุด และสูงสุดที่ 1,393.26 จุด
โดยหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดเอเชียรับแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากจะมีการประชุม BOJ วันที่ 19 มี.ค.ตลาดเก็งรอบนี้ยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบ เช่นเดียวกับเฟดประชุมกลางสัปดาห์หน้าคาดคงดอกเบี้ย แต่ต้องรอลุ้นถ้อยแถลงประธานเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเมื่อใด
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่
1. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,452.57 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2. ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,795.92 ล้านบาท ปิดที่ 206.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
3. AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,684.08 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนตลาด SET 50 ปิด 847.13 จุด ปรับ -7.23 จุด หรือ -0.85% มูลค่าการซื้อขาย 32,209.97 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 418.76 จุด ปรับ-1.20 จุด หรือ -0.29% มูลค่าซื้อขาย 1,575.13 ล้านบาท
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคยืเฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดเอเชียจากแรงขายทำกำไร โดยมองว่าน้ำหนักอยู่ที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ซึ่งรอบนี้มีความสำคัญเนื่องจากตลาดคาด BOJ จะกลับทิศนโยบายการเงินยุติดอกเบี้ยติดลบแม้อาจยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ หากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นลบต่อตลาดหุ้น
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการประชุมวันที่ 20 มี.ค.นี้เช่นกัน ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ย แต่สิ่งที่ต้องติดตามคือถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเหมือนก่อนหน้านี้หรือไม่ ทั้งนี้ Key Message ที่ประธานเฟดระบุว่าไม่ได้ให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจมากนัก แต่จะดู Timing ว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อไร (First Cut)
ทั้งนี้ประเมินว่า เฟด ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกพร้อมกัน เพราะหากประเทศใดปรับลดดอกเบี้ยก่อน จะมีโอกาสเงินไหลออก ค่าเงินอ่อนค่า และจะกระทบตลาดหุ้น
ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในต้นสัปดาห์หน้า คาดว่าตลาดฯน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ บวก-ลบไม่เกิน 20 จุด ให้แนวต้านสำคัญ 1,395 จุด แนวรับ 1,380 และ 1,370 จุด
