ดัชนี SET Index หุ้นไทย ปิดตลาดวันนี้ที่ 1,089.56 จุดปรับเพิ่มขึ้น 7.14 จุด หรือ +0.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 47,225.04 ล้านบาท หลังภาพรวมปัจจัยตลาดเริ่มดูดีขึ้น ทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน และการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ เริ่มมีความคืบหน้าชัดเจน รวมถึงตลาดที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และ SET ก็ยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสื่อสาร อย่าง TRUE-ADVANC จากการชนะประมูลคลื่นความถี่ใหม่
โดยที่ดัชนีหุ้นไทย ทำระดับสูงสุด 1,094.77 จุด และต่ำสุด 1,080.92 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่
1.KTC มูลค่าการซื้อขาย 4,454.25 ล้านบาท ปิดที่ 24.00 บาท ลดลง 0.40 บาท
2.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 4,134.92 ล้านบาท ปิดที่ 278.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
3.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,598.07 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาได้ดี หลังภาพรวมปัจจัยตลาดเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่มีสัญญาณเชิงบวก และการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้าชัดเจน โดยผู้แทนจากรัฐบาลไทยกำลังเดินทางไปกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ภายในคืนนี้เพื่อการเจรจาอย่างเป็นทางการ และถ้าหากผลสรุปของการเจรจา มีมติเรียกเก็บภาษีในอัตรา 10-15% ประเทศไทยก็ยังจะมีความสามารถในการแข่งขันอยู่
รวมถึงตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ได้เพิ่มสูงมาก และสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ได้ชะลอตัวอย่างรุนแรง ช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ที่อาจมีการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยในวันนี้ SET ก็ยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสื่อสาร อย่าง TRUE-ADVANC หลังทั้งสองต่างชนะประมูลคลื่นความถี่ใหม่ในราคาที่ไม่สูงจนมีนัยยะสำคัญ แต่อาจจะมีแรงกดดันเรื่องการเมืองที่ทำให้ดัชนีไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่านี้
สำหรับ แนวโน้มวันพรุ่งนี้ จึงแนะนำให้ติดตามปัจจัยการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ กรณีศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจจะรับหรือไม่รับพิจารณาคำร้องเรียนเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยถ้าไม่รับ ก็อาจเป็นปัจจัยเชิงบวกให้แก่ตลาดได้ และรวมถึงให้ติดตามการเจรจาการค้าต่อไปด้วย มองกรอบแนวต้าน 1,105 จุด และแนวรับ 1,075 จุด
