ดัชนี SET Index หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,212.49 จุด ปรับลง 7.13 จุด หรือ -0.58% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 46,887.92 ล้านบาท ทำระดับสูงสุด 1,227.71 จุด และต่ำสุด 1,206.19 จุด
ตลาดหุ้นไทยปรับลงจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายกระดับความรุนแรง กดดันให้มีแรงขายหุ้นใหญ่ที่ขึ้นมามากแล้วและหุ้นที่มีธุรกิจในกัมพูชา แต่มองผลกระทบต่อภาพรวมตลาดยังจำกัด รวมถึงดัชนีขึ้นมาทดสอบ 1,210-1,230 จุด จึงเห็นแรงขายออกมาบ้าง
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,985.96 ล้านบาท ปิดที่ 32.00 บาท ลดลง 0.25 บาท
2.GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,608.90 ล้านบาท ปิดที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,447.38 ล้านบาท ปิดที่ 160.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายกระดับความรุนแรง ทำให้นักลงทุนเลือกขายทำกำไรลดสัดส่วนหุ้นในพอร์ตไปก่อน โดยมีแรงขายอกมาทั้งหุ้นใหญ่ที่ราคาขึ้นมามากแล้ว และหุ้นกลุ่มที่มีธุรกิจในกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอย่างจำกัด เพราะรายได้ของบริษัทจดทะเบียนในไทยไม่ได้มาจากกัมพูชามากนัก จึงอาจกระทบแค่หุ้นบางตัว เช่น CBG หรือ OSP รวมถึงการที่ดัชนี SET ขึ้นมาแตะ 1,210-1,230 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านทดสอบที่สำคัญ จึงได้เห็นแรงขายบางส่วน จากตลาดที่ผันผวน และนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยง
ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดจะแกว่งในกรอบ โดยต้องติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐที่ใกล้ได้ข้อสรุป ถ้าสุดท้ายไทยถูกเก็บภาษีใกล้เคียงกับภูมิภาคก็อาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยบวกมากนัก เพราะในเดือนก.ค.ก็ได้เริ่มเห็นแนวโน้มการส่งออกชะลอตัวแล้ว ครึ่งปีหลังจึงอาจจะไม่ได้เห็นการฟื้นตัวมากนัก ดังนั้น ไทยจำเป็นต้องได้อัตราภาษีต่ำกว่า 19% ถึงจะเป็นปัจจัยเซอร์ไพรส์เชิงบวกให้แก่ตลาด โดยให้แนวต้าน 1,230 จุด และแนวรับ 1,190 จุด
